วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555

จิบกาแฟยามบ่าย นั่งสบายๆ ที่ “กาแฟข้างบ้าน”


บรรยากาศที่นั่งด้านหน้าร้าน
       ไปเที่ยวที่หัวหินเมื่อครั้งล่าสุด “ผ่านมาแวะกิน” ได้แวะนั่งพักข้างทางแก้อาการง่วงที่ร้านกาแฟน่ารักๆ ร้านหนึ่งก่อนที่จะไปเที่ยวต่อ แถมยังได้ลองชิมของอร่อยของทางร้านที่ถูกปากเสียเหลือเกิน เลยอยากจะมาแนะนำพลพรรคนักชิมให้ไปลองลิ้มกันเสียหน่อย ที่ร้าน “กาแฟข้างบ้าน” ซ.หัวหิน 83
มุมน่ารักภายในร้าน
       ร้านนี้เริ่มต้นขึ้นจากการที่เจ้าของร้านเป็นคนชอบดื่มกาแฟ จนได้มาเปิดเป็นร้านกาแฟในบรรยากาศสบายๆ เหมือนนั่งเล่นอยู่บ้าน ท่ามกลางต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นเย็นสบาย มีกาแฟชงสดใหม่ทีละแก้วให้ลองชิม โดยทางร้านจะใช้เมล็ดกาแฟอาราบิก้า และก็ยังมีชาไทยและชาต่างประเทศให้ลองดื่มกันด้วย นอกจากนี้ยังมีเบเกอรี่โฮมเมดทำใหม่ทุกวันหมุนเวียนมาให้ลองลิ้มวันละประมาณ 3-4 ชนิด
กาแฟ Next Door Caramel
       บ่ายๆ เริ่มง่วงเหงาหาวนอน ต้องลองชิม กาแฟ Next Door Caramel (60 บาท) ที่ใส่วิปครีม (10 บาท) มาด้วย เป็นกาแฟอาราบิก้าชงสด ใส่นมสดและส่วนผสมสูตรพิเศษ นำไปปั่นรวมกับคาราเมล ใส่วิปครีมแล้วราดด้วยคาราเมลอีกที ลองชิมเริ่มจากวิปครีมที่นุ่มละมุนหวานคาราเมล ส่วนกาแฟก็ไม่ขมมาก รสชาติหอมหวานจากคาราเมลที่ปั่นรวมไป
      
       แต่ถ้ายังไม่ตื่นดี ต้องมาต่อด้วย Mocha Choc Chip (60 บาท) + วิปครีม (10 บาท) แก้วนี้เป็นกาแฟผสมโกโก้ ใส่ช็อคโกแลตชิพแล้วปั่นรวมกัน ท็อปด้วยวิปครีม โรยด้วยช็อคโกแลตชิพและช็อคโกแลตไซรัป ลองดื่มแล้วหวานเย็นชื่นใจ หอมกาแฟ แถมได้รสชาติโกโก้
Mocha Choc Chip
       จากนั้นขอลองชิมเบเกอรี่สักเล็กน้อย เริ่มที่ Banoffee Pie (65 บาท) ที่ชั้นล่างเป็นโอริโอ้บด ตามด้วยชั้นคาราเมล ถัดมาเป็นกล้วยหอมหั่นเป็นชิ้น ด้านบนสุดเป็นวิปครีมตีสดโรยหน้าด้วยผงช็อคโกแลต ชิมทุกชั้นพร้อมๆ ตักเข้าปากจะหอมนุ่มวิปครีม ได้ความหนึบและรสหวานจากคาราเมล กล้วยไม่เละมาก ส่วนโอริโอ้กรุบๆ หวานเข้มข้นพอดิบพอดี
      
       สุดท้ายของมื้อนี้ลองชิม Blueberry Cheese Pie (55 บาท) ตัวพายเป็นบัตเตอร์คุกกี้บดละเอียดแล้วราดด้วยครีมชีสที่ทางร้านทำขึ้นเอง จากนั้นราดด้านบนสุดด้วยบลูเบอร์รี่ คราวนี้ก็ต้องชิมพร้อมๆ กันทุกชั้นถึงจะได้ครบรส ความกรุบกรอบและเค็มจากบัตเตอร์คุกกี้ ชีสนุ่มหวาน ตัดความเปรี้ยวของบลูเบอร์รี่
Banoffee Pie
       หรือถ้าใครแวะมาที่ร้านแล้วอยากลองชิมเมนูอื่นก็ขอแนะนำ Waffles Ice Cream (85 บาท) Pate & Toasts (50 บาท) Tuna Sandwich (50 บาท) เป็นต้น
      
       หากใครมาเที่ยวหรือผ่านไปผ่านมาแถวหัวหิน ก็อย่าลืมแวะมานั่งเล่นชิลล์ๆ จิบกาแฟอร่อยๆ ที่ร้าน “กาแฟข้างบ้าน” ก็แล้วกัน
Blueberry Cheese Pie
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “กาแฟข้างบ้าน” ตั้งอยู่ที่ 31/23 ซอยหัวหิน 83 อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ การเดินทางจากกรุงเทพฯ ให้ตรงมาที่ อ.หัวหิน ตรงมาเรื่อยๆ สังเกตทางซ้ายมือจะเห็นซอยหัวหิน 83 ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือติดถนน ตัวร้านเป็นสีเหลือง สามารถจอดรถได้ริมถนนและด้านหลังร้าน ร้านเปิดวันพฤหัสบดี-อังคาร (ปิดทุกวันพุธ) เวลา 08.00-18.00 น. โทร. 0-3252-1287

****************** สมพลเอามือป้องปากกระซิบ "แต่ผมว่า 77coffee อร่อยกว่านะ"

“เพชรเพิ่มพร” อร่อยริมทางกับนานาอาหารสูตรเด็ด


“เพชรเพิ่มพร” อร่อยริมทางกับนานาอาหารสูตรเด็ด

17 มิถุนายน 2555 13:38 น.
บรรยากาศที่นั่งภายในร้าน
       เวลาขับรถลงใต้ทีไร “ผ่านมาแวะกิน” เป็นต้องแวะข้างทางหาอะไรอร่อยๆ เติมพลังให้เต็มอิ่มเสียทุกที มาครั้งนี้ว่าจะลงใต้ไปหาลมทะเลเสียหน่อย ก็เลยขอแวะหาข้าวแกงกินแถวๆ แยกวังมะนาว ที่ร้าน “เพชรเพิ่มพร” ซึ่งอยู่บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 133 ถ.เพชรเกษม
คุณเพิ่มพร จันทร์เปล่ง เจ้าของร้าน
       เข้ามาถึงร้านก็ได้เจอคุณเพิ่มพร จันทร์เปล่ง เจ้าของร้าน คอยต้อนรับพร้อมกับข้าวแกงทั้งภาคกลางและภาคใต้กว่า 20 ชนิดที่วางเรียงรายให้เลือกชิม ลองสอบถามก็ได้ความว่า ร้านนี้เปิดมาแล้ว 10 กว่าปี และในแต่ละวันก็จะมีเมนูอาหารหลากหลายมาให้เลือก และหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ ทั้งข้าวแกงและอาหารตามสั่งต่างๆ โดยทางร้านจะเสิร์ฟมาพร้อมกับข้าวหอมมะลิหุงสุกเม็ดสวยที่หอมชวนกิน
ขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้
       เห็นอาหารละลานตาแบบนี้แล้วน้ำย่อยก็เริ่มออกมาทักทาย ขอเริ่มชิมเมนูแรกเลยแล้วกัน ขนมจีนน้ำยาปักษ์ใต้ (จานละ 35 บาท) ที่มาพร้อมกับผักสดและผักดองนานาชนิด ตัวน้ำยาจะใช้เนื้อปลาซาบะโขลกกับเครื่องแกง แล้วแกงกับกะทิสด ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น หอมอร่อย ต้องกินคู่กับผักดองที่เข้ากันได้ดิบดี
แกงหัวตาลกับปลาซาบะย่าง
       ตามมาด้วย แกงหัวตาลกับปลาซาบะ (ถ้วยละ 30 บาท ราดข้าวจานละ 30 บาท) ที่มีให้ชิมเฉพาะที่เพชรบุรีเท่านั้น จะใช้ลูกตาลอ่อนๆ มาฝานบางๆ ผ่านกรรมวิธีการทำแล้วจึงนำมาแกงกับกะทิสด ใส่เครื่องแกงที่ทางร้านโขลกเอง ใส่เนื้อปลาซาบะย่าง ลองชิมรสชาติหอมกลมกล่อม ออกเผ็ดเล็กน้อย เนื้อปลาแน่น
      
       ส่วนอีกเมนู แกงใบมะขามอ่อนกับหอยเสียบ (ถ้วยละ 30 บาท ราดข้าวจานละ 30 บาท) ก็หากินยากเช่นกัน เพราะจะใช้เฉพาะใบมะขามอ่อนๆ นำมาแกงกับกะทิ ใส่เครื่องแกง แล้วใส่หอยเสียบสดๆ แกงถ้วยนี้รสชาติเข้มข้น หอมกะทิ และออกเปรี้ยวจากใบมะขาม
แกงใบมะขามอ่อนกับหอยเสียบ
       ต่อด้วย คั่วกลิ้ง (กับข้าวจานละ 50 บาท ราดข้าวจานละ 30 บาท) ที่ใช้เนื้อหมูส่วนสะโพกนำมาสับปนกับกระดูกอ่อนแล้วผัดกับเครื่องแกง คั่วไปเรื่อยๆ จนแห้ง ได้รสชาติเข้มข้นแบบปักษ์ใต้แท้ๆ
      
       ปิดท้ายที่ ปลากระชาย (ตัวละ 200 บาท) แก้เผ็ด ใช้ปลาแรด ปลาทับทิม หรือปลากะพงสดๆ แล่เอาแต่เนื้อแล้วคลุกแป้งทอดกรอบ โรยหน้าด้วยกระชายทอดกรอบ ราดด้วยซอสมะขามสูตรพิเศษของทางร้าน ลองชิมแล้วเนื้อปลากรอบนอกนุ่มใน กระชายกรอบเคี้ยวแล้วหอม ส่วนซอสมะขามก็เปรี้ยวหวานกำลังดี
คั่วกลิ้ง
       ลองชิมไปก็หลายจานแล้ว แต่ถ้ายังไม่อิ่มก็ยังมีให้เลือกลองลิ้มอีกหลายเมนู อาทิ พะแนงหมู,เนื้อ (ถ้วยละ 30 บาท) ขาหมูสูตรคุณย่า (ถ้วยละ 30 บาท) แกงมัสมั่นไก่ (ถ้วยละ 30 บาท) แกงไตปลา (ถ้วยละ 30 บาท) แกงขี้เหล็ก (ถ้วยละ 30 บาท) เป็นต้น
      
       หากใครผ่านไปผ่านมา หรือจะขับรถลงใต้ แนะนำให้แวะชิมของอร่อยที่ร้าน “เพชรเพิ่มพร” จะได้อิ่มท้องสบายไปตลอดทาง
ปลากระชาย
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *
      
       ร้าน “เพชรเพิ่มพร” ตั้งอยู่บริเวณกิโลเมตรที่ 133 ถนนเพชรเกษมขาออก อ.เขาย้อย จ.เพชรบุรี การเดินทางจาก กทม. ใช้เส้นทางถนนพระรามที่ 2 (ธนบุรี-ปากท่อ) มุ่งหน้า จ.เพชรบุรี จนถึงแยกวังมะนาว ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเพชรเกษม วิ่งตรงมาเรื่อยๆ สังเกตทางซ้ายมือ ร้านจะอยู่ติดถนน บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 133 สามารถจอดรถได้บริเวณหน้าร้าน ร้านเปิดทุกวัน เวลา 06.00-21.00 น. (เฉพาะข้าวแกงขายถึงเวลา 18.00 น.) โทร. 08-6178-8575, 08-1587-5349

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เผยโฉม Sony Xperia Miro สมาร์ทโฟนตระกูล Xperia


เผยโฉม Sony Xperia Miro สมาร์ทโฟนตระกูล Xperia


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Sonymobile

          ข่าวดีสำหรับแฟน ๆ โซนี่ที่กำลังรอสมาร์ทโฟนตระกูล Xperia รุ่นใหม่ ล่าสุดโซนี่ เผยโฉมสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์รุ่นเล็ก มาพร้อมกับชื่อ Sony Xperia Miro สมาร์ทโฟนดีไซน์เรียบหรู ตามแบบฉบับของโซนี่
 
          สำหรับรุ่นนี้คาดว่าออกมาเพื่อเจาะตลาดผู้ใช้งานที่ต้องการสมาร์ทโฟนราคาไม่แพงและต้องการประสิทธิภาพการใช้งานด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์ โซเชียลเน็ตเวิร์กหรือการใช้งานด้านมัลติมีเดีย เช่น ดูหนัง ฟังเพลงและเล่นเกม ก็สามารถตอบสนองความต้องการได้อย่างสบาย

Sony Xperia Miro

          สำหรับ Sony Xperia Miro มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwich, เพิ่มคุณภาพเสียงด้วยเทคโนโลยีเสียง xLOUD, รองรับ DLNA เพื่อเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Smart Device และเพิ่มทางด้านส่วนติดต่อผู้ใช้ Timescape UI เวอร์ชันล่าสุด รวมทั้งซอฟต์แวร์ต่าง ๆ จากทางโซนี่ที่ถูกใส่เพิ่มเข้ามาในรุ่นนี้อีกด้วย ด้านสเปคและคุณสมบัติอื่น ๆ มีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง มาติดตามกันเลย

Sony Xperia Miro

สเปค Sony Xperia Miro

 ซีพียู Qualcomm MSM7225A ความเร็ว 800Mhz แบบ single-core, แรม 512MB
 ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ 4.0 Ice Cream Sandwich
 รองรับ 3G แยกคลื่นความถี่ 900/2100MHz และ 850/2100MHz
 หน่วยความจำภายในเครื่อง 4GB และรองรับการเพิ่ม microSD การ์ดสูงสุด 32GB
 หน้าจอ TFT ขนาด 3.5 นิ้ว ความละเอียด 320 x 480 พิกเซล
 กล้องถ่ายภาพด้านหลัง 5 ล้านพิกเซล พร้อมออโต้โฟกัสและไฟแฟลช 
 กล้องหน้าความละเอียด 0.3 ล้านพิกเซล ระดับ VGA และรองรับวิดีโอคอลล์
 สนับสนุนการเชื่อมต่อ 3G, Bluetooth, Wi-Fi, DLNA, GPS / aGPS และ WiFi Hotspot
 ขนาดตัวเครื่อง 113 x 59.4 x 9.9 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 110 กรัม
 แบตเตอรี่ 1500 mAh
 ตัวเครื่องมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีดำ, สีดำ/ชมพู, สีขาว และสีขาว/ทอง

          อย่างไรก็ตาม Sony Xperia Miro ยังไม่มีรายละเอียดกำหนดการเปิดตัวและราคาวางจำหน่ายออกมาอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าน่าจะเริ่มวางจำหน่ายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2012 หรือช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายน ซึ่งราคาคาดว่าน่าจะอยู่ราว ๆ 6,000-8,900 บาท สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ราคาถูกที่เน้นการใช้งานที่เชื่อมต่อโซเชียลเน็ตเวิร์กและด้านมัลติมีเดีย แนะนำว่า Sony Xperia Miro ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนอีกหนึ่งที่น่าจับตามอง

เห็นราคาแล้วน่าสนแท้

Amarok กระบะสายเลือดเยอรมัน ในราคา 1.8 ล้านบาท


Amarok กระบะสายเลือดเยอรมัน ในราคา 1.8 ล้านบาท


volkswagen amarok

volkswagen amarok

volkswagen amarok

volkswagen amarok

volkswagen amarok

volkswagen amarok


          ช่วงนี้หากจะพูดถึงเรื่องราวข่าวสารต่าง ๆ ในแวดวงยานยนต์แล้ว งานใหญ่ระดับประเทศอย่าง"Motor Expo 2012" ที่กำลังจะจัดขึ้นในช่วงปลายปีนี้ ดูจะเป็นที่พูดถึงและเป็นที่รอคอยของเหล่าคนรักรถกันพอสมควร เพราะในงานนี้ จะมีรถรุ่นใหม่ ๆ จากค่ายดังต่าง ๆ นานา ตบเกียร์เดินหน้าพร้อมมานำเสนอกันอย่างเต็มที่

          ทั้งนี้ทั้งนั้น หากใครที่ชื่นชอบขับขี่รถกระบะเป็นพิเศษ ก็คงจะให้ความสนใจกับข่าวนี้พอสมควร เมื่อล่าสุดทาง "Volkswagen" ค่ายรถดังจากประเทศเยอรมนี ได้เปิดเผยให้ทราบแล้วว่าพวกเขาจะส่งกระบะน้องใหม่อย่าง "Amarok" มาให้คนไทยเราได้เห็นและได้จับจองเป็นเจ้าของกันแล้วด้วยสนนราคาที่ 1.8 ล้านบาท

          สำหรับ Volkswagen Amarok จะเป็นกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งใช้เครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.0 ลิตร TDI Bi Turbo พร้อมกำลังสูงสุดที่ 177 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ ZF 8 สปีด โดยสามารถปรับการขับขี่ในโหมดสปอร์ตและระบบปกติได้ อีกทั้งในส่วนของความปลอดภัย ก็จะมีระบบเบรคป้องกันล้อล็อค ABS และ ระบบควบคุมการทรงตัว ESP มาด้วย

          ด้าน "ไทยยานยนต์" ในฐานะผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ค่าย Volkswagen ในประเทศไทย ได้ประกาศอย่างชัดเจนแล้วว่า ทาง Volkswagen พร้อมส่ง Amarok มาลุยตลาดรถกระบะในบ้านเราอย่างเต็มตัว โดยการนำเอาจุดเด่นอย่าง ระบบเกียร์ ZF ซึ่งตามปกติจะติดตั้งเฉพาะรถระดับหรูเท่านั้น มาใส่ในกระบะคันนี้ ซึ่งจะช่วยให้การขับรถกระบะ จะนุ่มนวล เงียบ และแรงกว่ากระบะอื่น ๆ ทั่วไป

          ว่ากันว่า Volkswagen Amarok จะจับกลุ่มลูกค้าระดับ B+ ที่ชื่นชอบกิจกรรมท้าทายสำหรับคนรุ่นใหม่และตอบสนองสำหรับครอบครัวยุคใหม่ ที่ให้ความสำคัญกับไลฟ์สไตล์ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยจะกำหนดราคาเริ่มต้นไว้ที่ 1,800,000 บาท ซึ่งหากใครที่สนใจก็อดใจรอกันอีกสักนิด เพราะช่วงปลายปีนี้ก็จะได้เห็น Amarok ตัวจริงเสียงจริงกันแล้ว

volkswagen amarok

volkswagen amarok

volkswagen amarok


volkswagen amarok

อยากขับกระบะขึ้นมาทันที