วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

อันไตเติ้ล

ภาค ๑. แมนสรวง
....
"แมนสรวง" ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เพราะการที่ตัวเองทำงานในสายงานด้านวิทยา

ศาสตร์ แล้วอยู่ ๆ ก็มีคนมาบอกว่าที่ "แม้นมาศ" น้องสาวตัวเองมีอาการสติผิดๆ

เพี้ยนๆ ไปนั้น เกิดจากโดนคุณไสย พร้อมกับอธิบายรูปลักษณ์ของคนทำเสร็จสรรพ

และคนที่มีรูปลักษณ์ที่ว่าก็ไม่ใช่ใคร "เพียงดาว" เพื่อนสนิทของน้องสาวของเขานั่น

เอง แต่เขาก็นึกแย้งอยู่ในใจอยู่ตลอด เพราะเพื่อนน้องสาวคนนี้เข้านอกออกในบ้าน

ของเขาเหมือนหนึ่งคนในครอบครัว จะทำแบบนั้นไปทำไม

หรือเพราะอิจฉาในโอกาสที่น้องสาวเขาได้รับจากเพื่อนๆ หรือแม้แต่อาจารย์มากกว่า

เช่น เพิ่งได้กลับจากการเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนกับต่าง

ประเทศ ทำให้ดูว่ามีชีวิตที่รุ่งโรจน์กว่า คิดๆ แล้วก็พาลให้มีใจเชื่อตามนั้นได้เหมือนกัน

เขาต้องคอยสังเกตพฤติกรรมของเพียงดาวแล้วล่ะ

จนบ่อยๆ ที่เขาสังเกตจะเห็นท่าทีของเพียงดาวที่ลอบมองแม้นมาศจากด้านหลังด้วย

สายตาที่น้อยใจ และสดงออกถึงอาการอิจฉาออกมาทางคำพูดบ่อยๆ ยิ่งเป็นการย้ำ

คำพูดของหมอไสยให้ยิ่งชัด และยิ่งจุดความโกรธและแค้นใจขึ้นในใจของแมนสรวง

ขึ้นมา สุดท้ายกว่าจะรู้ตัวอีกที เขาก็มานั่งอยู่ในพิธีและกำลังกระทำการ "ทำของกลับ"

ภาค ๒. เพียงพิศ
....
ระยะนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ เธอมักได้ยินเสียงแปลกๆ ในตอนกลางคืน บางทีก็รู้สึกเหมือนมี

ใครกำลังจ้องมองเธออยู่ตลอดเวลา เมื่อคืนวานก็ฝันแปลกๆ เห็นคนที่ตัวเองไม่เคย

เห็นหน้าวิ่งไล่เธอ และเธอก็หนีจนสุดทาง ก่อนที่มันจะคว้าตัวเธอ ก็สะดุ้งตื่นพร้อม

เหงื่อที่โทรมกาย สิ่งที่เธอต้องทำคือ คุยกับแม้นมาศ และเล่าให้แม้นมาศฟังเรื่อง

ความฝันของเธอ แม้นมาศเห็นว่าเพื่อนมาเช่าอพาร์ทเมนท์อยู่ทำไมคนเดียว จึงชวน

เธอมาอยู่ด้วยกันที่บ้านเธอ ซึ่งแน่นอน แมนสรวงพี่ชายคนเดียวของเธอ ย่อมไม่ขัด

ข้องอยู่แล้วด้วยรู้ว่าพี่ชายรักและตามใจเธอมาตลอด ยังพูดกับเธอด้วยซ้ำว่า ดี จะได้

มาช่วยเป็นหูเป็นตา ไม่ให้หนุ่มๆ คนไหนมาจีบน้องสาวคนสวยของตัวเองง่ายๆ

ตลอดระยะเวลาที่อยู่บ้านแม้นมาศ เธอก็ทำทุกอย่างที่จะไม่ให้ใครมาว่าได้ว่ามาอยู่

บ้านเขาแล้วนิ่งดูดาย ทำงานบ้าน กับข้าว ให้ทุกคนในบ้านทาน จนแทบจะกลายเป็น

แม่บ้าน หรือคนรับใช้ของบ้านอยู่แล้ว บ่อยๆ เมื่อเธอเหนื่อยมากๆ ในบางวัน เธอมัก

จะลอบมองเพื่อนสาวของเธออย่างอิจฉาเสมอ ว่าทำไมไม่สวย พี่ชายไม่ใส่ใจเธอ

แบบนี้บ้าง ซึ่งเธอเองก็เปรยกับแม้นมาศเสมอ แต่เธอก็ไม่เคยริษยาเพื่อนของเธอ

ด้วยความมีน้ำใจ และบุญคุณที่ครอบครัวนี้มีต่อตัวเธอ เพียงแต่พักนี้เธอมีอาการ

แปลกๆ ไปหาหมอ หมอก็ยังบอกว่า "ปกติทุกอย่าง" แต่อาการเธอมันรู้สึกได้ว่าแย่ลง

เรื่อยๆ

ภาค ๓. แม้นมาศ
....
อาการป่วยของเธอแสดงออกมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอไม่อยากบอกให้ใครรู้ โดย

เฉพาะพี่ชายของเธอ เพราะเขาคงรับไม่ได้ หรืออาจจะโกรธเกลียดเธอไปเลย เนื่อง

จากช่วงที่เธอไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ต่างประเทศ เธอไปเจอเพื่อนต่างประเทศ

หลายคน ความสนุก และความที่เธอเป็นคนมองโลกในแง่ดี ทำให้เธอไม่รู้ว่า "คน" มี

หลายประเภท และบังเอิญคนที่เธอคบนั้น ภายนอกดูเป็นคนดี แต่ที่แท้คือจิ้งจอก

สังคม ที่ใช้ความหรูหรา หน้าตาดี บดบังความร้ายกาจของตัวเอง และเพื่อนสาวคน

ใหม่จากเมืองไทยอยู่ในเป้าสายตามันตั้งแต่วันที่ไปรับจากสนามบิน มันดูแลเอาใจใส่

เธออย่างดี จนค่ำวันหนึ่ง สามารถชวนเธอไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนๆ วัยรุ่นของตัวเองได้

แม้นมาศได้เจอสิ่งใหม่ๆ บรรยากาศใหม่ๆ ที่ชวนสนุกสนาน ดื่ม ทาน สูบในสิ่งเธอก็

ไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้แต่ใครๆ ก็ทำกัน แน่นอนว่าคนไร้ภูมิคุ้มกันที่ถูกเลี้ยงเยี่ยงไข่ใน

หินอย่างเธอยากจะตามทัน ทำให้เธอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติดในหลายๆ ครั้ง

ตลอดระยะเวลาที่ใช้ชีวิตในต่างประเทศ และผลของสารเหล่านั้นเริ่มส่งผลต่อ

ประสาทสมองของเธอ ทั้งภาพหลอน และอาการหลงๆ ลืมๆ ซึ่งมันเป็นๆ หายๆ เธอ

พยายามที่จะปกปิดเรื่องนี้ต่อไป เท่าที่คิดว่า มันสมองของเธอจะคิดได้

........................
สุดท้ายเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร
เชิญผู้อ่านกำหนดกันเอง

สมพล 15/11/2559

วันอังคารที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

"นังเมียโง่"

"นังเมียโง่"
ตอนจีบกันทีแรกก็จำได้ว่ามันฉลาดมาก นี่นา
เรียนก็สูง หน้าที่การงานก็ดี ทำไมอยู่กันไป อยู่กันมา
กลับเป็นว่าโง่ลงได้ถึงขนาดนี้
นังเมียเรานี่ยังโชคดีที่มีผัวฉลาดๆ แบบเราอยู่ข้างๆ นะเนี่ยไม่ใช่คุย
ตอนเด็กๆ สมัยประถมผมจะได้รับคำชมจากคุณครูประจำชั้นอยู่เสมอๆ
จะได้รับรางวัลเป็นประจำในวิชา คัดไทย เขียนไทย
ผมยังมีความภาคภูมิใจมาจนถึงทุกวันนี้
แม้เวลามันจะล่วงเลยมานานแล้วก็ตาม
ผมก็ยังคงเป็นคนเก่งอยู่ อันนี้ผมรู้จากนังเมียผม
เพราะผมสังเกตุเห็นนังเมียมันจะ ตบมือดังๆ แล้วก็เอ่ยปากชม ไม่ขาดปาก
ว่าเก่งยังโน้นเก่งยังนี้ เวลาผมซักผ้า ถูบ้าน หุงข้าว ล้างชาม
ได้อย่างยอดเยี่ยมและเสร็จทันในเวลาที่นังเมียผมมันกำหนดไว้
แถมบางครั้งยังมีเวลาเหลือพอที่จะไปล้างส้วมได้เสร็จทันเวลาอีกด้วย
ทีแรกผมก็คิดได้เองอยู่แล้วว่าผมเก่งและฉลาดมาก
ความจริงนังเมียมันไม่บอก ผมก็รู้ อยู่แล้ว
ผิดกับนังเมียผมที่นับวันจะโง่ลง
ขนาดแอร์ ทีวี ที่สมัยนี้เปิดปิดง่ายๆ มันยังทำไม่เป็น
รีโมท ตั้งอยู่ข้างหน้านังเมียมันยังใช้ไม่เป็น มือซ้ายถือมันฝรั่ง
มือขวาแก้วน้ำหวาน ปากก็บอกว่า นี่เปิดทีวีให้ดูหน่อยซิ
แอร์ด้วยนะ ซัก 23 องศา แน่ะรีโมทก็อยู่ข้างหน้าใช้ไม่เป็น
มันโง่จริงๆ ผมเคยสอนให้ใช้หลายครั้ง ก็ยังทำไม่เป็น
จนผมรู้ว่ามันสมองแต่ละคนไม่เท่ากัน
จะให้มาเป็นเลิศแบบผมทุกคนคงเป็นไปไม่ได้
เอ่อ..
แต่นังเมียผมมันก็ยังพอมีความฉลาดอยู่บ้างนะ
อย่างเช่นว่า..
วันเงินเดือนผมออก นังเมียมันรู้หมดแนะแถมยังจำแม่น
บางเดือนเลื่อนออก เงินเดือนไปวันไหนวันไหน มันรู้หมดแหล่ะ
ผมยังแปลกใจโง่ๆ แบบนี้รู้ได้ไง
แต่ยังไง..นังเมียก็ไม่ฉลาดกว่าผมหรอก
มานั่งคอยจำ คอยเตือนเงินเดือน ทุกเดือนเสียเวลา
ผมเลยเอาเลขที่บัญชีของเมีย ให้บริษัทโอนเงินเข้าไปเลย
นังเมียยังชมผมไม่ขาดปากมาถึงทุกวันนี้ ฉลาดมาก ฉลาดมาก
โธ่เอ็งไม่ต้องบอกข้าก็รู้ " นังเมียหัวขี้เลื่อย "
มีต่อๆ
ภาคสอง "แก้แค้น"
วันก่อนผมก็มีวีรกรรมได้แกล้ง นังเมียโง่ของผม ซะจายจิงๆ
เรื่องมันมีอยู่ว่า...
อาทิตย์ที่แล้วพาเมียโง่ ไปซื้อกับข้าวมื้อค่ำ
ได้ปลาดุกย่าง สะเดาน้ำปลาหวาน (ของโปรดผมคือหนังปลาดุก)
เผลอแป๊บเดียว (ผมอาบน้ำอยู่)
นังเมียโง่ของผมแอบลอกหนังปลาดุกกินเสียเกลี้ยง ดูสิดูมันทำ
ด้วยความฉลาดของผม เก็บความแค้นอยู่ในใจ
วันต่อมาถึงวันล้างแค้นนังเมียโง่ของผม ไปจ่ายตลาด มันกำลังท้อง
อยากกินมันเทศต้ม ซื้อมา 2 กิโล
ถึงบ้านพอมันเผลอ
ผมลงมือแก้แค้นทันทีโดยไม่ให้นังเมียโง่ของผมตั้งตัว
ผมจัดการลอกเปลือกมันต้มกินจนเกลี้ยง
เหลือแต่เนื้อให้มัน เพื่อนๆครับ มันมาเจอถึงกลับตลึง ทำท่าน้ำตาคลอ
คงเจ็บใจผมจนพูดไม่ออกเลย
555 ให้มันรู้ซะบ้าง " นังเมียโง่ "