วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2555

ซื้อรถในมอเตอร์โชว์ ...เลือกอย่างไรจะคุ้มค่า


เป็นที่ไถ่ถามกันมาทุกครั้งที่มีงานมอเตอร์โชว์หรือมหกรรมยานยนต์ทั้งต้นปีและท้ายปีเกี่ยวกับการเลือกซื้อรถภายในงานมหกรรมยานยนต์ ที่จัดกันมาต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ทว่าหลายคนแม้จะไปเดินดูรถกันในงาน แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่า จะซื้อรถอย่างไรถึงจะได้รถมาอย่างความคุ้มค่าคุ้มราคา ทั้งๆ ดั้นด้นไปถึงงานมอเตอร์โชว์
การเลือกซื้อรถในงานโชว์ต่างๆ อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครคุ้นเคย เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่ไปเดินในงานจะมีเพียงส่วนน้อยที่ตัดสินใจในการซื้อรถ แต่ความจริงแล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะก้ไม่ได้ต่างจากการซื้อรถทั่วๆไป นัก
1.เลือกดูตามความชอบ งานมอเตอร์โชว์ หรืองานแสดงรถต่างๆ มีข้อดีเอื้ออำนวยต่อการซื้อรถเป็นอย่างยิ่ง คือการเปรียบเทียบกันของรถรุ่นต่างๆที่ทำให้คุณสามารถเลือกได้จนกว่าจะเป็นที่พอ หลายคนมักมีรถที่สนใจอยูต่ำกว่า 1 รุ่น แต่การจะรู้ว่ารถคันไหนที่เหมาะกับเราจำเป็นต้องอาศัยการศึกษาจากสภาพจริง ด้วยการเข้าไปดู ทดลอง อย่างที่เขาว่า สิบปากกว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ
ในวิธีการเลือกดูรถนี้ ให้คุณพยายามเปรียบเทียบระหว่างรุ่น โดยเฉพาะในเรื่องของความคุ้มค่าด้านออพชั่น ที่จะได้จากรถยนต์แต่ละคัน และราคาที่ต้องจ่าย โดยในขั้นตอนนี้อย่างพึ่งตัดสินใจคุยกับเซลล์ แต่ให้ลองดูราคาจากเอกสาร แล้วไปเดินเปรียบเทียบกับรถที่คุณชอบอีกรุ่นเพื่อหาข้อสรุปในเบื้องต้นก่อน

2.เลือกเซลล์ที่ควรคุย เมื่อได้รถที่ต้องการและตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า เราจะตกร่องปล่องชิ้นกับรถยนต์คันใดคันหนึ่ง ก็ถึงเวลาที่จะต้องคุยกับพนักงานขายเพื่อทราบรายละเอียดเพิ่มขึ้น อันที่จริงพนักงานขายมักจะเดินลี่เข้าหาคุณเองอยู่แล้วภายในงานมอเตอร์โชว์ เพราะเป็นหน้าที่และงานของเขา แต่อย่าลืมว่าคุณเองก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกพนักงานขายได้ โดยเฉพาะในงานเหล่านี้ จะมีเซลล์จากโชว์รูมสาขาต่างๆมากมาย เข้ามาร่วมงาน ซึ่งคุณควรจะหาเซลล์ที่มาจากโชว์รูมที่ใกล้กับบ้านคุณมากที่สุด เพื่อการรับบริการหลังการขายที่ดีที่สุด

3. โปรโมชั่น เรื่องต้องรู้ บ่อยครั้งเราพบว่า เซลล์มักจะไม่พูดถึงโปรโมชั่นนอกจากเราถามไถ่กัน และนั่นคือสาเหตุที่คุณจำเป้นต้องศึกษาโปรโมชั่นจากสื่อต่างๆ ก่อนเพื่อจะได้เท่าทันข้อเสนอของเซลล์ โดยเฉพาะค่ายที่เราสนใจ ซึ่งนอกจากโปรโมชั่นของรถแล้ว ต้องทราบโปรโมชั่นของบรรดาสถาบันการเงินด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งในการอำนวยความสะดวกในการซื้อรถ

4.อย่าตัดสินใจในวันเดียว การไปงานมอเตอร์โชว์เพื่อซื้อรถ หากคุณมีความตั้งใจจริงจำไว้ว่าอย่าไปงาน เพียงวันเดียว อย่างที่เราเคยบอกว่าเซลล์มักจะพยายามปิดการขายให้เบ็ดเสร็จทันทีที่เรานั่งโต๊ะเจรจา เพื่อสร้างยอดขาย แต่ทุกครั้งที่มานั่งโต๊ะหลายคนมักจะคิดว่าเราจำเป็นต้องตกลงในข้อเสนอที่ถูกหยิบยื่นมา ทั้งที่จริงๆ แล้วทุกอย่างยังสามารถตัดสินใจได้ ข้อแนะนำหนึ่งคือ นำข้อเสนอไปตัดสินใจ แล้วกลับมาใหม่ภายหลัง เพื่อจะสามารถได้คิดตรึกตรองให้ดีได้ ไม่ต้องรีบเพราะรถไม่หนีไปไหนแน่นอน แถมบางครั้งที่เรากลับมาใหม่อาจจะได้ข้อตกลงที่ดีกว่าจากพนักงานขายท่านอื่นก็เป็นไปได้เช่นกัน

5.ขอลองขับเรื่องสำคัญที่บอกได้ ถ้าทุกอย่างโอเค เป็นตามที่เราต้องการ เราควรจะมาสู่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายก่อนจองรถ ซึ่งก็ไม่พ้นการทดลองขับ
การทดลองขับหรือ Test Drive อาจจะเป็นเรื่องที่หลายคนกลัวมาก เนื่องจากเป็นการรับผิดชอบรถยนต์ 1 คัน แต่ความจริงการทดลองขับในงานมอเตอร์โชว์ ไม่ต้องเป็นที่กังวลมากนัก เพราะมีสนามทดสอบชั่วคราวจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดี และหลังจากที่ได้ลองขับขี่รถคันที่คุณเลือกอาจจะตอบในหลายๆ เรื่องมากกว่สแค่สิ่งที่คุณ หรือ ถ้าไม่ถูกใจจะถอดใจเปลี่ยนรุ่นก็ยังทันอยู่
จากทั้ง ข้อ ที่กล่าวมานี้ ถ้าทุกอย่างลงตัวและสามารถตอบโจทย์ทุกข้อได้ ก็ไม่แปลก ถ้าคุณจะเลือกซื้อรถสักคันไว้คู่กาย เพียงแต่ข้อคิดต่างๆที่เราพูดถึงมานั้น เป็นแนวทางที่หลายคนอาจจะมองข้ามบ้างก็ผลีพลามในการเลือกรถ ทำให้ท้ายที่สุดอาจจะต้องมาเสียใจภายหลัง


เรื่องโดย ณัฐยศ ชูบรรจง / ภาพ โดย มอเตอร์โชว์-สนุก

วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

มอเตอร์ไซค์สวย-เด่นแดนปลาดิบบุกอิมแพค


ค่ายปีกนกนำคอนเซปต์ "ซูเมอร์ เอ็กซ์" มาพร้อมกับนิยามความสนุกแบบหลุดกรอบ แหล่งข่าวแจ้งว่าจับตาให้ดี เพราะคันนี้อาจมีเซอร์ไพร์สเดินสายการผลิตเพื่อจำหน่ายในเร็วๆ นี้ด้วย
       เริ่มเปิดให้เข้าชมอย่างเป็นทางการแล้วในวันนี้ (28 มี.ค.) สำหรับงานใหญ่ที่คนรักรถไม่ควรพลาดช่วงต้นปี "บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์" ครั้งที่ 33 โดยจัดขึ้นที่ชาเลนเจอร์ฮอล์ อิมแพค เมืองทองธานี และจะสิ้นสุดไปถึงวันที่ 8 เมษายน นี้
      
       ขณะที่ค่ายรถยนต์มีรถใหม่จอดโชว์ให้จับจองกันมากมาย ส่วนค่ายมอเตอร์ไซค์ไม่น้อยหน้า ยกขบวนรถสวยเด่นทั้งใหม่และคอนเซปต์มาอวดโฉมด้วยเช่นกัน
      
       ประเดิมเรียกน้ำย่อยด้วย 4 ค่ายใหญ่จากแดนปลาดิบ ในปีนี้มีอะไรน่าสนใจมาให้ชมกันบ้าง ส่วนรายละเอียดและข้อมูลบูธสัญชาติอื่นๆ จะทยอยนำเสนอต่อไป
ตัวแรงประจำค่ายฮอนด้า CBR 1000RR
      
อีกหนึ่งบิ๊กไบค์นำเข้า NC700X
      
ฮอนด้า Gold Wing
      
มุมมันทะลุแมทช์ตามมาแจมกับเขาด้วย
      
ค่ายยามาฮ่า ชูนวัตกรรมแห่งอนาคต นำโดยคอนเซปต์ PAS WITH (ซ้าย) และ Y125 MOEGI (ขวา)
      
ตามด้วยคันซ้ายคือ ต้นกำเนิดรถรุ่นแรกของยามาฮ่า YA-1 เจ้าของฉายา แมลงปอแดง ที่ผลิตในปี 1955 ส่วนคันขวา EC-Miu เป็นต้นแบบรถไฟฟ้ารองรับชีวิตคนเมือง
      
ไม่พลาดนำ YZF-R1 มาเอาใจสาวกที่ชื่นชอบความแรง
      
ปีนี้มาแปลก ค่ายยามาฮ่านำรถใหม่มาเปิดตัวด้วย สำหรับ TTX ออโตเมติกหัวฉีด 115 ซีซี แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดตัวรถทั้งหมด เพราะรอแถลงอย่างเป็นทางการในช่วงบ่ายวันนี้ 28 มี.ค.
      
NOUVO SX ออโตเมติกหัวฉีด 125 ซีซี. คืออีกหนึ่งรถใหม่ที่มาเปิดตัวเช่นกัน
      
ซูซูกิ นำทัพมาโดย พญาเหยี่ยว GSX1300R ฮายาบูสะ
      
ตามด้วยสปอร์ตขนาด 1 ลิตร GSX-R1000
      
ส่วนสองคันนี้คือ รถไฟฟ้าที่เพิ่งวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ตระกูล e-Let's
      
ในกลุ่มรถครอบครัวยังคงทำตลาดต่อเนื่อง สำหรับ โชกัน แอ๊คเซโล่ 125
      
แก้ความเบื่อกับรุ่น เจลาโต้ แจ็ค 999
      
ปิดท้ายค่ายคาวาซากิ ฉีกแนวลุยตลาดบิ๊กไำบค์ได้สักระยะหนึ่งแล้ว นำเข้าพี่ใหญ่ นินจา ZX-14R ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเร็วแรงขนาดไหน
      
ในมาดตกแต่งทัวริ่งของ GTR
      
Vulcan 900 โฉมตัวแต่ง SE
      
เนกเก็ตตัวโหด Z1000
      
รถขายดีประจำค่าย Er-6n


อัยย๊ะ จัดเต็ม

10 อันดับ รถหรูราคาแพงที่สุดในงานมอเตอร์โชว์ 2012 อันดับ 10-6


10Jaguar XJ ราคา12.2 ล้านบาท
อันดับ 10 รถหรูที่แพงที่สุดในงานมอเตอร์โชว์ 2012 ที่ทางทีมงาน toptenthailand ขอเสนอคือ รถหรูสัญชาติอังกฤษอย่าง จากัวร์ รุน XJ มาพร้อมความโฉบเฉี่ยว ปราดเปรียว ด้วยสุดยอดการออกแบบใหม่ มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 ขนาด 5.0 ลิตร 385 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พลังแรงสมใจด้วยล้อดีไซน์ใหม่ ขนาด 20 นิ้วที่รังสรรค์การออกแบบใหม่ทั้งภายในและภายนอก นอกจากนี้ยังออกแบบระบบใหม่ลดการคายก๊าซ CO2 พร้อมพลังประหยัดพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น ทางทีมงาน toptenthailand คิดว่าน่าจะเหมาะสมคนที่ต้องการรถแรง หรูหรา และรักษ์โลกด้วย
9Lexus LS 460 ราคา 12.8 ล้านบาท
อันดับที่ 9 ที่ทางทีมงาน toptenthailand ขอเสนอ เลกซัส LS 460 รุ่นนี้เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปลายปีที่ผ่านมา โดดเด่นด้วยความปราณีตในโครงสร้าง ที่มีไฟหน้า ไฟท้าย ที่มีการออกแบบดีไซน์ใหม่ พร้อมไฟหรี่แบบหลอด LED 8 ดวง การขับขี่ที่ราบรื่นด้วย High Performance เครื่องยนตร์ V8 4608 cc ให้กำลังสูงสุด 380 แรงม้า ที่ 6400 รอบต่อนาที ให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.7 วินาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และผสมผสานความหรูหราภายในรถที่มี ชุดเครื่องเสียงระดับโลก “Mark Levinson Reference Surround Sound System” เรียกได้ว่า รถยนตร์ซีดานคันหรู ระดับเฟิร์สคลาส
8Porsche 911 Carrera S ราคา 16 ล้านบาท
อันดับที่ 8 ที่ทางทีมงาน toptenthailand ขอเสนอ Porsche 911 Carrera รุ่นใหม่กลับมาพร้อมด้วยการนำเอาองค์ความรู้ที่มีตลอดหลาย 10 ปี ที่ผ่านมาจับมาคลุกเคล้าที่เริ่มกันตั้งแต่โครงสร้างที่ทำมาจาก Aluminum น้ำหนักเบาหนักเพียง 45 กิโลกรัม ก่อนจัดการเพิ่มระยะฐานล้ออีก 100 มิลลิเมตรจากรถรุ่นก่อนหน้า เพิ่มความกว้างระหว่างล้อทางด้านหน้า แล้วออกแบบคงความเป็นหน้ากบตามแบบ Porsche แต่ให้ความลื่นไหลภายใต้หลักอากาศพลศาสตร์ ที่มีค่าสัมประสิทธิ์เพียง 0.29 Cd เท่านั้น ขุมพลังในเจ้ากบรุ่นใหม่นี้ด้านCarrera S นั้นมีเครื่องยนต์ 3.8 ลิตร 6 สูบ แต่ครั้งนี้ไต่เพดานถึง 400 แรงม้า เร่งความเร็ว 0-100 ได้ใน 3.9 วินาทีเท่านั้น
7Bentley Continental GT V8 ราคา 18.9 ล้านบาท
อันดับที่ 7 ที่ทางทีมงาน toptenthailand ขอเสนอ รถหรูสัญชาติผู้ดีรุ่นน้องในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้อย่าง Bentley Continental GT V8 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 มีพละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 500 แรงม้า (507PS/373 กิโลวัตต์) ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 660 นิวตันเมตร (487 lb ft) ที่ระหว่างรอบเครื่องยนต์ 1,700 ถึง 5,000 รอบ/นาที ถือได้ว่าเป็นรถที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพและมีพละกำลังที่เหนือชั้นตามแบบฉบับของเบนท์ลี่ย์ทุกประการ เสริมด้วยระบบส่งกำลังหรือระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดที่ทำการปรับเปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วขึ้น ทำให้รถคันนี้มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียงแค่ 5 วินาทีกว่าๆ เท่านั้น อีกทั้งยังมีความเร็วสูงสุดที่ 290 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอีกด้วย
6Lamborghini Gallardo LP 560-4 Spider ราคา 23.5 ล้านบาท
อันดับที่ 6 ที่ทางทีมงาน toptenthailand ขอเสนอ Lamborghini Gallardo LP 560-4 Spider แม้ว่าเจ้ากระทุสัญชาติอิตาเลี่ยนตัวนี้จะเปิดตัวมานานตั้งแต่ 2009 แต่ใช่ว่าจะตกกระแสความนิยมไป เมื่อเสน่ห์แห่งความแรงและหรูยังคงไม่หมดสิ้นอย่างเจ้าSpider ตัวนี้ สำหรับภายในห้องโดยสารเองก็ดูหรูหรา สง่างามด้วยวัสดุคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ด้วย พวงมาลัยของ Gallardo LP560-4 สามก้าน หุ้มหนังที่ตัดเย็บอย่างพิถีพิถัน ที่มีแผงปุ่มกดปรับเปลี่ยนสปีดที่เป็นโหมดในการขับขี่ได้ถึง สามระดับ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับรถแข่ง สามารถเปลี่ยนเกียร์ง่ายเพียงเสี้ยววินาทีที่กดปุ่ม ด้วยความเร็วของเจ้ากระทิงดุคันนี้ก็จะอยู่ที่ ประมาณกว่า 200 กม./ชม. ก็ยังถือว่าปกติ เพราะความเร็วสูงสุดของ Gallardo LP560-4 สามารถทำได้คือ 325 กม./ชม. แต่สำหรับสุดยอดซุปเปอร์คาร์คันนี้ที่รู้กันดีว่ากระบรวนการผลิตจะพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ขับเคลื่อน 4 ล้อ กำลังแรงม้าอยู่ที่ 560 แรงม้า

วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2555

Fiesta 1.4 รถที่เกือบจะ อีโคคาร์ แต่ราคาไม่ได้อีโค ด้วย

Sanook! Drive : Ford Fiesta 1.4 เกินสมรรถนะในตัวเล็กที่ถูกมองข้าม

ในช่วงปีที่ผ่านมาเมื่อพูดถึงรถยนต์กลุ่มซิตี้คาร์ที่ขั้นชื่อในเรื่องของเทคโนโลยีแล้ว Ford fiesta เป็นรถที่ค่อนข้างมาแรงในกลุ่มนี้ ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยีชั้นนำ และสมรรถนะในกลุ่มเครื่องยนต์ขนาด 1.6ลิตร ที่ให้การตอบสอนงดีกว่าทุกรุ่นที่มีในตลาด แถมเรือนร่างก็ยังเท่ห์ๆไม่หยอกด้วย 

คำถามคือ Ford 
อาจจะตั้งใจและภูมิใจมากกับการนำเสนอเจ้าตัวเล็กในเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร 
จนหลายคนลืมมันไปเสียสนิทว่า รถคันนี้มีเครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร 
ที่วันนี้เราก็ได้ฤกษ์ยามดี ในการนำรถรุ่นนี้ 
มาทดสอบกันเป็นจริงเป็นจังหลังจากที่ห่างกับเจ้าซิตี้คาร์ไปนาน



Ford Fiesta 1.4

ภายนอกเหมือนกันเว้นบางอย่างเท่านั้น 

Sanook! Drive เราเคยไปขับFord fiesta มาแล้วครั้งหนึ่ง 
ถ้าใครยังพอจะจำได้กับ 
การนำเสนอการขับขี่ด้วยน้ำมันรักโลกและประหยัดพลังงาน E20 โดยครั้งนั้น 
เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร สามารถสร้างความประทับใจให้กับเรา





ผ่านมาเกือบปี เรากลับมาพบ Ford Fiesta อีกครั้งในรุ่นเครื่องยนต์ 1.4 
ลิตร ที่ในครั้งนี้ พีอาร์หนุ่มหล่อของ Ford จัด รุ่น 5 ประตู 
ให้เราเหมือนเคย ก่อนที่เราจะรับมอบกุญแจ 
แล้วเริ่มต้นการทดสอบอย่างเป็นทางการ


เมื่อถึงคลังเก็บรถเราแทบจะไม่รู้เลยถึงความแตกต่างด้วยเรือนร่างที่
เหมือนกัน รถทดสอบจอดเรียงกันไปเป็นตับ ทำให้เราใช้เวลา 
ในการวนหาเจ้าตัวเล็กคู่ขวัญในครั้งนี้ จวบจนกดกุญแจรีโมท ปิ๊ป!! 
ก็เป็นเจ้าน้องน้ำเงิน ฏส่งสัญญาณไฟพร้อมจะไปท่องรถกับเรา

หากมองผิวเผิน Ford Fiesta 1.4 
ลิตรแทบจะมีเรือนร่างภายนอกไม่ต่างจากรุ่นพี่ 
น่าจะเรียกว่ามีเพียงอย่างเดียว ที่หากมองผิวเผินก็คงจะว่าเฉยๆ 
แต่ถ้าดูให้ดีรถคันนี้เป็นล้อกะทะพร้อมฝาครอบเท่านั้น 
ทว่าถ้าคุณขับไปบนถนนเชื่อเถอะ ไม่ส่องจริงๆไม่มีทางรู้เด็ดขาด




ห้องโดยสารเหมือนกันแค่ขาดออพชั่นทันสมัย 





ฮึบๆ..เบียดตัวระหว่างเสากับตัวรถก่อนเปิดประตูยัดตัวเองลงไปในตัวรถคัน
นี้ ที่ครั้งนี้เรารู้สึกว่าคุ้นเคยกับมันมากยิ่งขึ้นกว่าครั้งก่อน 
ด้วยเบาะนั่งทรงสปอร์ตที่ปรับได้ลงตัวกว่า 
การตบแต่งทุกย่างยังใช้สีเทาดำขลับกับโทนสีเงิน 
ช่วยให้ตัวรถมีเสน่ห์ในแบบสปอร์ต วิทยุธรรมดา 
พร้อมเครื่องเล่นซีดีถูกติดตั้งเข้ามา ตัดระบบ Voice Control ออกไป 
และตรงหน้าคนขับยังมีมาตรวัดเรืองแสง

สิ่งที่เปลี่ยนสำคัญในรถยนต์รุ่น 1.4 
นั้นอยู่ที่คันเกียร์ที่เปลี่ยนจากเดิม เป็นคันเกียร์ที่มี Manual Mode 
โดยรถ ford fiesta คันที่เราขับอยู่นี้เป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 
ซึ่งจะมีสมรรถนะเช่นไร เราต้องไปดูกัน

ได้เวลาลองของกับการทดสอบในเมือง 

ว่าแล้วก็ได้เวลาเดินทางสักที หลังจากจัดการปรับทุกอย่างให้ลงตัว Ford 
Fiesta 1.4 ก็พร้อมออกเฉิด และเมื่อเราทัชดาวน์ลงบนถนนสุขุมวิท 
รถคันนี้ตอบสนองเรื่องความคล่องตัวในเมือง 
โดดเด่นมากในเรื่องการลัดเลาะไปตามช่องต่างๆ ซอกซอนได้ดีเลยทีเดียว

ความคล่องตัวในเมืองนั้น ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร 
ที่ตอบสนองได้ดีมากยิ่งขึ้น แม้ เรื่องกำลังจะให้สูงสุดเพียง 95 แรงม้า 
ที่ 5750 รอบต่อนาที และรีดแรงบิดกำลังดีสูงสุด 126 นิวตันเมตร ที่ 4200 
รอบต่อนาที แต่นั่นก็พอแล้วสำหรับชีวิตในเมืองที่จะนั่งนิ่งมากกว่า


เราขับ Ford Fiesta ในเมือง ราวๆ 2 วัน 
เพื่อดูเรื่องอัตราประหยัดน้ำมัน โดยขับจริงทดสอบจริง 
โดยเราได้ระยะทางก่อนเตือนให้เติมน้ำมันที่ 370 ก.ม. เหลือวิ่งได้อีกราวๆ 
60 กิโลเมตร ซึ่งหลัง จาก 55 กิโลเมตร ระยะทางที่เหลือจะไม่แสดง 
เค้นให้คุณรี่หาปั้มน้ำมัน แต่ถ้านับว่ามันประหยัดเท่าไร เราก็จับ 
ระยะทางรวมที่วิ่งบวกระยะทางที่เหลือ 
หารออกมาจากจำนวนลิตรในถังน้ำมันทั้งหมด 43 ลิตร เราได้ 10 กิโลเมตร/ลิตร 
พอดี เป๊ะ จากการขับขี่รถติดผสมทางด่วน

นอกเมืองได้เวลา เดินทางไกลสักนิด 

หลังจากเสร็จบททดสอบในเมืองเราก็ได้เวลาที่จะพารถคันนี้ออกนอกเมืองกัน
บ้าง โดยครั้งนี้เรามีผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็นช่างภาพวีดีโอ ที่สามารถชม 
คลิปเล็ๆ ได้ทางด้านล่าง อาจจะต้องขอภัยล่วงหน้า 
ถ้ามันยังไม่ดีเท่าที่ควรนะครับ


มาว่ากันในเรื่องการขับขี่ต่อ วันที่เราเดินทางนั้น 
เป็นวันที่ค่อนข้างมีรถเยอะ ทำให้การขับขี่นอกเมืองแทบไม่ต่างจากในเมือง 
จะมาดีขึ้นก็แถวๆ สมุทรสาครเข้าไปแล้ว ทำให้ 
เรื่องอัตราประหยัดอาจจะไม่คาดหวังนัก ด้วยความเร็วที่เราขับอยู่ในขณะนี้ 
90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เครื่องยนต์ปั่นเต็มกำลังที่ 2400 รอบต่อนาที 
สาเหตุที่รอบเครื่องยนต์เยอะ ก็มาจากการที่ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 
ไม่ได้เป็น CVT แบบชาวบ้านเขาแถมยังมีแค่ 4 อัตราทด 
ได้เท่านี้ถือว่าโอเคแล้วล่ะ



Ford Fiesta 1.4
เมื่อเพิ่มความเร็วขึ้น ในรอบเครื่องช่วงระหว่าง 2-3 พันรอบต่อนาที 
เราทำความเร็วเดินทางดีสุดที่ 110 ก.ม./ช.ม. โดยใช้รอบเครื่อง 2950 
รอบต่อนาที เป็นสัญญาณว่ารถคันนี้อาจจะเหมาะขับชิวมากกว่ากระทุ้ง 
ทว่าหากคุณเหยียบต่อไปอีกนิดเป็น 120 ก.ม./ช.ม. 
เครื่องจะใช้รอบเครื่องเพิ่มขึ้นถึง 3200 รอบต่อนาที

เครื่องยนต์ที่ไม่เหมาะเค้นหนัก แต่เมื่อพูดถึงช่วงล่างแล้ว Ford 
fiesta กลับทำได้ดีตัวรถมีการทรงตัวที่ดีมาก ไม่มีอาการร่อนหรือเบา 
พวงมาลยก็ให้ความรู้สึกมั่นใจ จนเราอยากจะทราบว่า มันจะไปได้สุดๆ เท่าไร 
เลยส่งซิก ช่างภาพคาดเข็มขัดเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน 
แล้วจะการเหยียบมิดในช่วงถนนโล่ง ความเร็วเริ่มไต่ รอบเครื่องคิกดาวน์ 
รถเริ่มพุ่ง แต่เอ๊ะยังไม่ไปเท่าไร 
เลยลองกดอีกคราวนี้ระบบเกียร์เหมือนตบลงไปในเกียร์ 2 ตำแหน่ง D 
ทำให้รถพุ่งแบบเร็วปี๊ด ก่อนค่อยๆไล่เกียร์ขึ้นตามลำดับ 
ผลคือได้เต็มกลืนที่ 170 ก.ม./ช.ม ถือว่าโอเคไม่เลว



Ford Fiesta 1.4
ในการเดินทางต่างจังหวัด 
อีกสิ่งที่ดีไม่แพ้กันก็เป็นในเรื่องของการเก็บเสียงที่ความเร็วราวๆ 120 
ก.ม./ช.ม. ห้องโดยสารของ Ford Fiesta แทยจะไม่มีเสียงลมเข้า เลย 
แต่หากคุณเดินทางในความเร็วที่สูงกว่านั้น มันจะมีรอดเข้ามาพอตัว 
แต่ก็ยังไม่ถึงกับว่าดังอื้ออึง 
ซึ่งเราค่อนข้างจะประทับใจในเรื่องนี้พอสมควร 
แต่อย่างว่าจะเอาอะไรมากกับรถเล็กที่เราคงไม่ขับเร็วกันบ่อยนัก

ปิดจ๊อบนอกเมืองเราขับมาทั้งสิ้น 399 ก.ม. แลยังเหลือวิ่งได้อีก 60 ก.ม.
เหมือนเดิมเป๊ะ เรารีบจัดการคำนวนผลคือได้ตัวเลข ราวๆ 10.67 ก.ม./ลิตร 
ซึ่ง หมายความว่า มันซดน้ำมันไม่ต่างจากในเมือง 
จากการใช้ความเร็วเดินทางปกติ ที่ 120-130 ก.ม./ช.ม.

สปอร์ตสักนิดในการขับ Manual Mode 

หลังจากวัดอัตราทดสอบเรียบร้อยเราก็จัดการเติมน้ำมันมากพอตัว 
ที่จะขับกลับบ้าน แต่แหม ขับมาธรรมดาๆ มันก็ง่วงๆ ก็เลย 
จัดการโยกคันเกียร์ในตำแหน่ง D เพื่อลอง Manual Mode เล็กน้อย 
เรื่องนี้เป็นที่ถูกใจเราพอสมควรเช่นกัน 
เพราะนี่คือสิ่งที่ฝันอยากจะเห็นในรุ่น 1.6 ลิตร

เมื่อสับมาทางโหมดนี้ สิ่งที่เปลี่ยนไป หรอยังไม่มี 
จนกว่าคุณจะได้จัดเต็มบนฝ่าเท้า เหยียบไปเรื่อย 5 พันก็แล้ว 6 
พันรอบก็แล้วไม่ตัด งานนี้เรียกว่าถ้าเหยีบกันเพลิน 
อาจจะเจอลูกสูบมานอนยิ้ม กลางถนนได้



Ford Fiesta 1.4
การขับขี่ในโหมดนี้ค่อนข้างให้ความสนุกเร้าใจ ยิ่งใครชอบขับเกียร์ธรรมดา
จะรักมันมาก โดยการวางตำแหน่งเกียร์นั้น วิธีการจะคล้ายในเจ้า Ford 
Ranger โดยผลักขึ้นเพื่อลดตำแหน่งเกียร์เพิ่มอัตราทดและ 
ดันลงเพื่มตำแหน่งเกียร์ลดอัตราทดนั่นเอง


เมื่อมองภาพรวมแล้ว Ford fiesta 1.4 เป็น
รถที่สามารถตอบสนองเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
ด้วยการให้ความประหยัดที่ลงตัวมากกว่า
แต่หากมองแล้วรถคันนี้อาจจะเหมาะกับการขับขี่ในเมือง
ซึ่งเป็นสิ่งที่เครื่องยนต์เล็กทำได้ดี แต่เราก็พิสูจน์แล้วว่า
นอกเมืองแม้เครื่องยนต์จะเล็กก็สามารถเดินทางนอกเมืองได้
ทว่าหากคุณไปแบบรีบ มันไม่ค่อยจะเหมาะเท่าไรนัก


ผลการทดสอบ Ford fiesta 1.4 

เชื้อเพลิงที่ใช้ น้ำมัน แก๊สโซฮอลล์ 95

ระยะทางรวม ก่อนน้ำมันเตือน

ในเมือง 370 ก.ม. สภาพการจราจรติดขัดสลับทางไกล
นอกเมือง 399 ก.ม. สภาพการจราจร ขับขี่ด้วยความเร็ว 120-130 ก.ม./ช.ม.
ความเร็วสูงสุดระหว่างการทดสอบ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ที่ความเร็ว 90 ก.ม.ชม ใช้รอบเครื่อง 2400 รอบต่อนาที
ที่ความเร็ว 110 ก.ม.ชม ใช้รอบเครื่อง 2950 รอบต่อนาที
ที่ความเร็ว 120 ก.ม.ชม ใช้รอบเครื่อง 3200 รอบต่อนาที

ตารางคะแนน ผลการทดสอบ Ford fiesta 1.4 


หัวข้อ


คะแนน 


ข้อเสนอแนะ และติชม 

ภายนอก

18


เรือนร่างที่สง่างามอยู่แล้วของมัน ทำให้เราประทับใจอยู่พอตัว
และความแตกต่างที่ไม่มากก็ทำให้ มันได้ใจเราไปอีก
ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะบอกว่าแค่เพียงเปลี่ยนแม็ก
ก็ได้ความเหมือนที่แตกต่าง

ภายใน


18

ห้องโดยสารดูลงตัวดี เหมือนทุกอย่างกับรุ่นพี่แค่ตัด Voice
Control ออกไป แต่เรายังเซ็งกับท่าไก่ย่างกดกระจกไฟฟ้า
ซึ่งทำให้ต้องงอแขน แต่กับผู้ทดสอบที่มีความสูง 182 ซ.ม.
หากมองว่า เป็นผู้หญิง/ชาย ตัวเล็กๆใช้งาน มันอาจจะเหมาะก็ได้

เครื่องยนต์


19

ขุมพลัง 1.4 ลิตร 95 แรงม้า
ไม่ใช่สิ่งที่เราจะสามารถเรียกได้ว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้แรง
แต่เราต้องยอมรับว่าเครื่องยนต์บล็อกนี้ให้ความเร้าใจ
ยิ่งระบบส่งกำลังยิ่งถูกใจหนักกว่าเดิมขึ้นไปอีก โดยเฉพาะแมนนวลโหมด
ที่ควรจะมีตอบโจทย์ในรุ่น 1.6 มากกว่า

เทคโนโลยี


17

ไม่มีอะไรที่โดดเด่นมากนัก แต่อะไรที่คุณต้องใช้ก็มี
ทว่าที่เราชอบคือมาตรฐานเรื่องความปลอดภัย ระบบเบรค ABS+
กระจายแรงเบรค EBD พร้อมถุงลมนิรภัยฝั่งคนขับ
ถือว่าลงตัวเลยทีเดียวเชียวล่ะกับราคา ที่ไม่แพงจนเกินไปนัก
สำหรับใครไม่เน้นมากเรื่องเทคโนโลยี

ระบบกันสะเทือนและสมรรถนะการขับขี่ 


19

ช่วงล่าง คือสิ่งที่เราสนใจเสมอทุกครั้งที่ทดสอบรถยนต์ และ Ford
Fiesta ก็ขึ้นชื่อเรื่องนี้มาโดยตลอดอยู่แล้ว
และจากการท้าพิสูจน์ที่ความเร็วสูง และระหว่างทางนอกเมืองรถคันนี้
ก็ตอบสนองเรื่องได้ดี โดยเฉพาะเรื่องของการทรงตัว ซึ่งใน Ford Fiesta
1.4 นั้นไม่มีระบบ ESP มาให้ แต่มันก็ยังมั่นใจได้เหมือนเดิม

สรุป 


91

โดยรวมรถคันนี้คือรถที่มาพร้อมความคุ้มค่าในระดับที่คนจำนวนมากพอสู้ไหว
เราเองยังถึงกับคุยกับ Ford ว่าทำไมไค่อยโปรโมทรุ่นนี้ทั้งๆที่
มันก็ดีอยู่ใช่น้อย
แต่ว่าหากคุณอยากแค่มีรถเพื่อตอบสนองความคล่องตัวต่อการเดินทาง
ในแบบชีวิตคนเมืองรถคันนี้น่าเหมาะสุดแล้ว

http://auto.sanook.com/3580/