หลังจากที่บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว “มิตซูบิชิ มิราจ” อีโคคาร์คันแรกของมิตซูบิชิไปอย่างเป็นทางการไปแล้วนั้นโดยได้นิชคุณ ดารานักร้องชื่อดังมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับมิตซูบิชิ มิราจ พร้อมกับเปิดราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 380,000 – 546,000 บาท พร้อมแคมเปญพิเศษอีกมากมาย โดยค่ายมิตซูบิชิไม่รอช้าได้จัดให้มีการทดสอบมิตซูบิชิ มิราจ ขึ้นในวันถัดมาที่สนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต พัทยา ทีมงาน AUTO-Thailand ก็ไม่พลาดการทดสอบมิตซูบิชิ มิราจในครั้งนี้
สำหรับการทดสอบมิตซูบิชิ มิราจ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ ช่วงทดสอบอัตราความสิ้นเปลืองเชื้องเพลิง และช่วงทดสอบสมรรถนะรถในสนามพีระฯ
โดยช่วงแรกทดสอบอัตราความสิ้นเปลืองเชื้องเพลิงนั้นก็เป็นสิ่งที่ท้าทายคณะสื่อมวลชนที่ร่วมทดสอบเหมือนกัน เนื่องจากมิตซูบิชินั้นมีการเคลมไว้ว่า มิตซูบิชิ มิราจ ทำอัตราความสิ้นเปลืองเชื้องเพลิง ได้ที่ 22 กิโลเมตรต่อลิตร สำหรับการทดสอบนั้นใช้มิตซูบิชิ มิราจ 4 คัน แบ่งป็นเกียร์อัตโนมัติ 3 คัน เกียร์ธรรมดา 1 คัน แต่ละคันมีผู้ทดสอบนั่งคันละ 2 คนสลับกันทดสอบ โดยใช้เส้นทางจากสนามพีระฯวิ่งไปที่พัทยา แล้ววนกลับมาเช็กอัตราความสิ้นเปลืองเชื้องเพลิง ระยะทางรวมประมาณ 130 กิโลเมตร เส้นทางทั่วไปส่วนใหญ่ก็เป็นเส้นทางตรงยาวๆ ความเร็วที่ใช้ก็เป็นความเร็วใช้งานทั่วไป 80-90-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อาจมีบางช่วงที่ใช้ความเร็วมากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ แต่ตลอดการทดสอบจะมีรถทีมงานคอยนำตลอดเส้นทาง
ตลอดเส้นทางใช้รอบความเร็วให้นิ่งเท่าที่จะทำได้ โดยมีตัวช่วยเป็นไฟ ECO แสดงที่หน้าปัดถ้าเราขับขี่ด้วยความประหยัด ผลการทดสอบอัตราความสิ้นเปลืองเชื้องเพลิงเฉลี่ยออกมาสูงสุดที่ 28.43 กิโลเมตรต่อลิตร ในมิตซูบิชิ มิราจ รุ่นเกียร์ธรรมดา และ 24.608 กิโลเมตรต่อลิตร ในมิตซูบิชิ มิราจ รุ่นเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าที่โฆษณาไว้ เพราะเท่าที่เราขับกันนั้นเป็นความเร็วใช้งานจริง แต่ต้องอาศัยการขับในรอบที่นิ่งหน่อยก็สามารถที่จะให้ความประหยัดได้ไม่ยาก
ช่วงที่สองทดสอบสมรรถนะรถในสนามพีระฯ รูปแบบการทดสอบใช้เส้นทางทั้งสนามพีระฯ แบ่งออกเป็น 4 สถานีทดสอบ โดยแต่ละสถานีก็จะมีรูปแบบเพื่อให้เห็นถึงสมรรถนะด้านต่างๆของมิตซูบิชิ มิราจ สำหรับการทดสอบนั้นใช้มิตซูบิชิ มิราจ 4 คัน แบ่งป็นเกียร์อัตโนมัติ 3 คัน เกียร์ธรรมดา 1 คัน รถแต่คันขับคนเดียว เรียกว่าให้ใส่กันเต็มๆไปเลย หลังจากรับฟังบรรยายรูปแบบและเส้นทางการทดสอบ พร้อมกับนั่ง มิตซูบิชิ มิราจ ไปกับ Instructor ดูไลน์สนามและสถานีทดสอบแล้วก็มาเริ่มทดสอบขับเอง
ทีมงาน AUTO-Thailand เริ่มจากการทดสอบกับมิตซูบิชิ มิราจ เกียร์อัตโนมัติ ในสถานีที่ 1 เป็นการทดสอบอัตราเร่งโดยใช้เส้นทางตรงของสนามพีระฯเป็นสถานีทดสอบ มิตซูบิชิ มิราจ เกียร์อัตโนมัติ สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้เป็นที่น่าพอใจ จากเครื่องยนต์ 3 สูบ 12 วาล์ว 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตร แม้จะไม่ได้ปรูดปร้าดมากมายอะไร แต่ก็เพียงพอกับการใช้งาน เกียร์อัตโนมัติ INVECS-III CVT ทำงานได้ราบรื่น นุ่มนวลใช้ได้
ในสถานีที่สองเป็นช่วงโค้งซ้ายขึ้นเขา เพื่อให้ลองอัตราเร่งในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมิตซูบิชิ มิราจ เกียร์อัตโนมัติ ก็สามารถใช้พละกำลังที่มีเอาตัวรอดมาได้ มาถึงสถานีที่สามเป็นการทดสอบแบบสลาลอมเน้นสมรรถนะช่วงล่างการบังคับควบคุมพวงมาลัย มิตซูบิชิ มิราจก็ให้ความคล่องตัว น้ำหนักในการควบคุมพวงมาลัยถือว่าเบามือควบคุมง่าย ช่วงล่างในช่วงขับเข้าสลาลอม ก็ทำได้น่าพอใจ แต่ก็แล้วแต่ความชอบ บ้างท่านที่ทดสอบก็บอกว่าช่วงล่างนิ่มไป น่าจะเช็ตให้แข็งกว่านี้สักหน่อยก็ว่ากันไป แต่ในสถานีนี้สัมผัสได้ว่ายางรถยนต์ที่ให้ติดรถมาขนาดค่อนข้างเล็กไปนิด ถ้าเปลี่ยนยางให้มีขนาดหน้ากว้างขึ้นอีกหน่อย มิตซูบิชิ มิราจจะขับสนุกขึ้นอีกแน่นอน
หลุดจากสถานีสลาลอม เป็นสถานี Lane Change - Handling Test โดยใช้ช่วงสนามบริเวณโค้ง IRC มีการตั้งไพล่อนบีบทางไว้ โดยเริ่มจากหยุดนิ่งหลังจากได้รับสัญญาณธงก็วิ่งด้วยความเร็วพอประมาณ เส้นทางรูปแบบอาจจะคล้ายๆตัวเอส มิตซูบิชิ มิราจ ก็สามารถทำได้ดีเมื่อต้องเปลี่ยนเลนกะทันหัน แต่ก็มีอาการบ้างหากใช้ความเร็วสูง
มาถึงอีกจุดทดสอบที่ใช้ในการโชว์สมรรถนะวงเลี้ยวที่แคบกับมิตซูบิชิ มิราจ โดยตั้งไพล่อนไว้ค่อนข้างพอดีกับตัวรถแล้วให้หมุนพวงมาลัยขวาสุดแล้วปล่อยไหลไป มิตซูบิชิ มิราจ สามารถจะผ่านช่องไพล่อนได้อย่างสบาย เรียกได้ว่าเจอที่แคบๆก็สามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัวเลยทีเดียว
หลังจากจบรอบทดสอบในมิตซูบิชิ มิราจ เกียร์อัตโนมัติแล้ว ทีมงาน AUTO-Thailand ได้มีโอกาสทดสอบในมิตซูบิชิ มิราจ เกียร์ธรรมดา อีกหนึ่งรอบในเส้นทางและรูปแบบเดิม อารมณ์ที่ได้นั้นอยากบอกว่า ขับสนุกกว่าเกียร์อัตโนมัติทั้งอัตราเร่งในทางตรงที่ลากรอบกันจนตัดที่ 6,500 รอบ แล้วเปลี่ยนเกียร์ โดยสุดทางตรงสนามพีระฯสามารถทำความเร็วได้กว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลย ส่วนเวลาลากขึ้นทางชันก็ตอบสนองและเรียกอัตราเร่งได้รวดเร็วกว่า แต่ในเรื่องความสะดวกสบายก็อาจจะไม่เท่าในมิตซูบิชิ มิราจ เกียร์อัตโนมัติ อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลอีกครับ
เกือบลืมไป...ในช่วงที่รอคิวทดสอบ ทีมงาน AUTO-Thailand ก็มีโอกาสไปนั่งสำรวจอุปกรณ์ต่างๆในมิตซูบิชิ มิราจ ที่โดยรวมแล้วก็ถือว่าให้ออพชั่นต่างๆ มาครบถ้วน วัสดุภายในก็ถือว่าพอใช้ได้ ความกว้างขวางของห้องโดยสารก็สะดวกสบายดี และเมื่อรวมกับแคมเปญที่มิตซูบิชิจัดมาให้อีกเพียบ เรียกว่างานนี้คงตัดสินใจเลือกอีโคคาร์ที่คันไม่เล็กอย่างมิตซูบิชิ มิราจ มาใช้ได้ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ...ลองไปขับดูแล้วตัดสินใจครับ...
สำหรับการทดสอบมิตซูบิชิ มิราจ แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ ช่วงทดสอบอัตราความสิ้นเปลืองเชื้องเพลิง และช่วงทดสอบสมรรถนะรถในสนามพีระฯ
โดยช่วงแรกทดสอบอัตราความสิ้นเปลืองเชื้องเพลิงนั้นก็เป็นสิ่งที่ท้าทายคณะสื่อมวลชนที่ร่วมทดสอบเหมือนกัน เนื่องจากมิตซูบิชินั้นมีการเคลมไว้ว่า มิตซูบิชิ มิราจ ทำอัตราความสิ้นเปลืองเชื้องเพลิง ได้ที่ 22 กิโลเมตรต่อลิตร สำหรับการทดสอบนั้นใช้มิตซูบิชิ มิราจ 4 คัน แบ่งป็นเกียร์อัตโนมัติ 3 คัน เกียร์ธรรมดา 1 คัน แต่ละคันมีผู้ทดสอบนั่งคันละ 2 คนสลับกันทดสอบ โดยใช้เส้นทางจากสนามพีระฯวิ่งไปที่พัทยา แล้ววนกลับมาเช็กอัตราความสิ้นเปลืองเชื้องเพลิง ระยะทางรวมประมาณ 130 กิโลเมตร เส้นทางทั่วไปส่วนใหญ่ก็เป็นเส้นทางตรงยาวๆ ความเร็วที่ใช้ก็เป็นความเร็วใช้งานทั่วไป 80-90-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อาจมีบางช่วงที่ใช้ความเร็วมากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ แต่ตลอดการทดสอบจะมีรถทีมงานคอยนำตลอดเส้นทาง
ตลอดเส้นทางใช้รอบความเร็วให้นิ่งเท่าที่จะทำได้ โดยมีตัวช่วยเป็นไฟ ECO แสดงที่หน้าปัดถ้าเราขับขี่ด้วยความประหยัด ผลการทดสอบอัตราความสิ้นเปลืองเชื้องเพลิงเฉลี่ยออกมาสูงสุดที่ 28.43 กิโลเมตรต่อลิตร ในมิตซูบิชิ มิราจ รุ่นเกียร์ธรรมดา และ 24.608 กิโลเมตรต่อลิตร ในมิตซูบิชิ มิราจ รุ่นเกียร์อัตโนมัติ ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีกว่าที่โฆษณาไว้ เพราะเท่าที่เราขับกันนั้นเป็นความเร็วใช้งานจริง แต่ต้องอาศัยการขับในรอบที่นิ่งหน่อยก็สามารถที่จะให้ความประหยัดได้ไม่ยาก
ช่วงที่สองทดสอบสมรรถนะรถในสนามพีระฯ รูปแบบการทดสอบใช้เส้นทางทั้งสนามพีระฯ แบ่งออกเป็น 4 สถานีทดสอบ โดยแต่ละสถานีก็จะมีรูปแบบเพื่อให้เห็นถึงสมรรถนะด้านต่างๆของมิตซูบิชิ มิราจ สำหรับการทดสอบนั้นใช้มิตซูบิชิ มิราจ 4 คัน แบ่งป็นเกียร์อัตโนมัติ 3 คัน เกียร์ธรรมดา 1 คัน รถแต่คันขับคนเดียว เรียกว่าให้ใส่กันเต็มๆไปเลย หลังจากรับฟังบรรยายรูปแบบและเส้นทางการทดสอบ พร้อมกับนั่ง มิตซูบิชิ มิราจ ไปกับ Instructor ดูไลน์สนามและสถานีทดสอบแล้วก็มาเริ่มทดสอบขับเอง
ทีมงาน AUTO-Thailand เริ่มจากการทดสอบกับมิตซูบิชิ มิราจ เกียร์อัตโนมัติ ในสถานีที่ 1 เป็นการทดสอบอัตราเร่งโดยใช้เส้นทางตรงของสนามพีระฯเป็นสถานีทดสอบ มิตซูบิชิ มิราจ เกียร์อัตโนมัติ สามารถตอบสนองอัตราเร่งได้เป็นที่น่าพอใจ จากเครื่องยนต์ 3 สูบ 12 วาล์ว 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตร แม้จะไม่ได้ปรูดปร้าดมากมายอะไร แต่ก็เพียงพอกับการใช้งาน เกียร์อัตโนมัติ INVECS-III CVT ทำงานได้ราบรื่น นุ่มนวลใช้ได้
ในสถานีที่สองเป็นช่วงโค้งซ้ายขึ้นเขา เพื่อให้ลองอัตราเร่งในอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งมิตซูบิชิ มิราจ เกียร์อัตโนมัติ ก็สามารถใช้พละกำลังที่มีเอาตัวรอดมาได้ มาถึงสถานีที่สามเป็นการทดสอบแบบสลาลอมเน้นสมรรถนะช่วงล่างการบังคับควบคุมพวงมาลัย มิตซูบิชิ มิราจก็ให้ความคล่องตัว น้ำหนักในการควบคุมพวงมาลัยถือว่าเบามือควบคุมง่าย ช่วงล่างในช่วงขับเข้าสลาลอม ก็ทำได้น่าพอใจ แต่ก็แล้วแต่ความชอบ บ้างท่านที่ทดสอบก็บอกว่าช่วงล่างนิ่มไป น่าจะเช็ตให้แข็งกว่านี้สักหน่อยก็ว่ากันไป แต่ในสถานีนี้สัมผัสได้ว่ายางรถยนต์ที่ให้ติดรถมาขนาดค่อนข้างเล็กไปนิด ถ้าเปลี่ยนยางให้มีขนาดหน้ากว้างขึ้นอีกหน่อย มิตซูบิชิ มิราจจะขับสนุกขึ้นอีกแน่นอน
หลุดจากสถานีสลาลอม เป็นสถานี Lane Change - Handling Test โดยใช้ช่วงสนามบริเวณโค้ง IRC มีการตั้งไพล่อนบีบทางไว้ โดยเริ่มจากหยุดนิ่งหลังจากได้รับสัญญาณธงก็วิ่งด้วยความเร็วพอประมาณ เส้นทางรูปแบบอาจจะคล้ายๆตัวเอส มิตซูบิชิ มิราจ ก็สามารถทำได้ดีเมื่อต้องเปลี่ยนเลนกะทันหัน แต่ก็มีอาการบ้างหากใช้ความเร็วสูง
มาถึงอีกจุดทดสอบที่ใช้ในการโชว์สมรรถนะวงเลี้ยวที่แคบกับมิตซูบิชิ มิราจ โดยตั้งไพล่อนไว้ค่อนข้างพอดีกับตัวรถแล้วให้หมุนพวงมาลัยขวาสุดแล้วปล่อยไหลไป มิตซูบิชิ มิราจ สามารถจะผ่านช่องไพล่อนได้อย่างสบาย เรียกได้ว่าเจอที่แคบๆก็สามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัวเลยทีเดียว
หลังจากจบรอบทดสอบในมิตซูบิชิ มิราจ เกียร์อัตโนมัติแล้ว ทีมงาน AUTO-Thailand ได้มีโอกาสทดสอบในมิตซูบิชิ มิราจ เกียร์ธรรมดา อีกหนึ่งรอบในเส้นทางและรูปแบบเดิม อารมณ์ที่ได้นั้นอยากบอกว่า ขับสนุกกว่าเกียร์อัตโนมัติทั้งอัตราเร่งในทางตรงที่ลากรอบกันจนตัดที่ 6,500 รอบ แล้วเปลี่ยนเกียร์ โดยสุดทางตรงสนามพีระฯสามารถทำความเร็วได้กว่า 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลย ส่วนเวลาลากขึ้นทางชันก็ตอบสนองและเรียกอัตราเร่งได้รวดเร็วกว่า แต่ในเรื่องความสะดวกสบายก็อาจจะไม่เท่าในมิตซูบิชิ มิราจ เกียร์อัตโนมัติ อันนี้ก็แล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลอีกครับ
เกือบลืมไป...ในช่วงที่รอคิวทดสอบ ทีมงาน AUTO-Thailand ก็มีโอกาสไปนั่งสำรวจอุปกรณ์ต่างๆในมิตซูบิชิ มิราจ ที่โดยรวมแล้วก็ถือว่าให้ออพชั่นต่างๆ มาครบถ้วน วัสดุภายในก็ถือว่าพอใช้ได้ ความกว้างขวางของห้องโดยสารก็สะดวกสบายดี และเมื่อรวมกับแคมเปญที่มิตซูบิชิจัดมาให้อีกเพียบ เรียกว่างานนี้คงตัดสินใจเลือกอีโคคาร์ที่คันไม่เล็กอย่างมิตซูบิชิ มิราจ มาใช้ได้ไม่ยากเลยใช่ไหมครับ...ลองไปขับดูแล้วตัดสินใจครับ...
การออกแบบใหม่ของรถยนต์คันนี้ดูดีกว่ารุ่นที่ผ่านมานะครับ ดูแล้วมีการพัฒนาในเรื่องของการดีไซน์ให้ทันสมัยไปอีกระดับ ภายในก็สวยขึ้น มีลูกเล่นๆต่างๆให้ใช้งานได้ง่ายกว่าเดิม
ตอบลบ