รีวิว NISSAN ALMERA BY BIERE ตอนที่ 6 “สำรวจเบาะหน้า แล้วปรับท่าให้เหมาะสม”
และแล้วเราก็ได้ก้าวมานั่งในตำแหน่งคนขับเสียที
ถึงเวลานี้ เพื่อน ๆ หลายคนคงดีใจ เพราะลุ้นกันมาทุกตอน ว่าผมจะขึ้นนั่ง Almera แล้วพาออกวิ่งเมื่อไหร่ หลังจากวนเวียน และเวียนวนดูรถไปแล้วรอบคัน
แต่ช้าก่อน อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะล้อจะหมุนได้เยี่ยงไร ถ้ายังไม่ได้ปรับตำแหน่งการขับขี่ให้เหมาะสม และเรียนรู้การใช้งานในแต่ละส่วน ให้รู้แจ้งเห็นจริง
ดังนั้น มาเริ่มปรับตำแหน่งการขับขี่กันก่อนดีกว่าครับ
———————-
ปรับเบาะ
สำหรับรุ่น E MT ไล่มาจนถึง VL CVT จะสามารถปรับเบาะสูง-ต่ำ ได้ด้วยนะครับ ซึ่งตัวปรับเบาะจะอยู่ด้านข้างเบาะด้านขวา และมีหน้าตาแบบนี้
เริ่มที่ตัวแรกก่อน อยู่ด้านในสุด และมีขนาดสั้นสุด ตัวนี้เอาไว้ปรับเบาะเอนหน้า-หลัง
วิธีปรับ ก็ให้ดึงก้านขึ้น เพื่อปลดล็อคก่อน จากนั้นก็ดึงค้างไว้ครับ
- ถ้าเราจะเอนไปข้างหลังก็เอาหลังดันเบาะไปจนถึงระยะที่พอใจ
- ถ้าเราจะให้เบาะเอนมาด้านหน้า ก็ไม่ต้องเอาหลังดัน แต่ให้เลื่อนหลังมาด้านหน้าแทน มันก็จะเกาะหลังคุณมาตามตำแหน่งที่คุณต้องการด้วย
- ถ้าเราจะเอนไปข้างหลังก็เอาหลังดันเบาะไปจนถึงระยะที่พอใจ
- ถ้าเราจะให้เบาะเอนมาด้านหน้า ก็ไม่ต้องเอาหลังดัน แต่ให้เลื่อนหลังมาด้านหน้าแทน มันก็จะเกาะหลังคุณมาตามตำแหน่งที่คุณต้องการด้วย
มาดูที่ปรับตัวถัดมาด้านขวา หรือ ก้านยาว (แต่ไม่ใช่พันธุ์ทุเรียนนะครับ 55555+)
มีเจ้าตัวนี้แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่า ผมตัวสูงไปครับ!!! หรือ หนูตัวเตี้ยไปค่ะ!!! เพราะสามารถใช้เจ้าก้านยาวนี้ ปรับเบาะให้เข้ากับสรีระของเพื่อน ๆ ที่แตกต่างกันได้
ถ้าคุณตัวเล็ก ก็โยกเจ้าก้านยาวนี้ขึ้นทีละจังหวะ เบาะจะยกไปทีละ step ได้ระดับที่พึงพอใจก็หยุดครับ
แต่ถ้าใครลองโยกแล้วเบาะไม่ขึ้นตาม กรุณาลดน้ำหนักตัวด่วนครับ!!! 55555+
ส่วนเพื่อน ๆ ที่ตัวสู๊งงงง สูง ก็โยกก้านลงไปทีละจังหวะครับ ได้ตำแหน่งที่ต้องการก็หยุดโยกซะ
ส่วนการเลื่อนเบาะไปข้างหน้าหรือข้างหลัง ให้เพื่อน ๆ เอามือลอดขาทั้ง 2 ข้างของท่าน แล้วล้วงไปใต้เบาะที่นั่ง ก็จะเจอก้านเหล็กยาว ๆ ขวางอยู่ ก็ให้ยกก้านเหล็กขึ้นเพื่อปลด Lock และกดค้างไว้ก่อน แล้วเอาก้นงาม ๆ ของท่านไสเบาะไปข้างหน้าหรือข้างหลังให้ได้ระดับตามใจชอบเลยนะครับ
ส่วนเบาะนั่งของผู้โดยสารด้านหน้า จะไม่มีการปรับสูง-ต่ำ-ดำ-ขาว นะครับ มีแค่การปรับเอนหลัง และเลื่อนเบาะไปหน้า-หลังเท่านั้น
———————–
ปรับระดับพวงมาลัย
คราวนี้ รุ่น S MT ไม่ต้องน้อยใจแล้วครับ เพราะพวงมาลัยสูง-ต่ำ ปรับกันได้ทุกรุ่น
วิธีการปรับ
ให้เอามือล้วงเข้าไปใต้พวงมาลัยครับ จะเจอกับก้านรูปตัว L ก้านนี้
จากนั้นก็ดึงมันลงมาแล้วดันมันไปด้านหน้าครับ
ในขั้นตอนนี้แนะนำให้เอามืออีกข้างจับพวงมาลัยไว้ก่อนนะครับ เพราะถ้าไม่จับ เกิดตำแหน่งของพวงมาลัยในขณะนั้นอยู่สูงกว่าปกติ มันจะตกลงมากระแทกทันทีครับ ซึ่งถ้ามันมากระแทกโดนขาของเพื่อน ๆ ก็อาจจะมีการบาดเจ็บกันได้นะครับ
และสำหรับบางท่าน ที่ใช้การคลำหาก้านปรับเพียงอย่างเดียว ต้องมั่นใจนะครับ ว่าเจอปลายด้ามมันจริง ๆ เพราะอย่างผมตอนที่ดึงครั้งแรก ก็ไม่ยอมคลำจนถึงปลายด้ามของมัน เลยรู้สึกว่าดึงลงมายากมาก จนนึกว่ามันแข็งครับ แต่ความจริง ไปจับโดนส่วนอื่น มันก็ดึงลงมาไม่ได้อยู่แล้วนั่นเอง
และเมื่อดึงก้านลงมาได้แล้ว เราก็ปรับระดับพวงมาลัยสูง-ต่ำ ได้ตามใจชอบเลยครับ
เมื่อปรับเสร็จแล้ว ให้เอามือข้างหนึ่งจับตำแหน่งพวงมาลัยที่ปรับเอาไว้ แล้วเอามืออีกข้างหนึ่งไปกดก้านกลับที่เดิมให้แน่น ๆ เพื่อล็อคตำแหน่งพวงมาลัยครับ
————————–
ปรับกระจกมองข้าง
สำหรับการปรับกระจกมองข้าง ก็ให้ใช้แผงควบคุมบริเวณขวาสุดของคอนโซลหน้าเลยครับ
สำหรับภาพด้านบน จะเป็นของรุ่น E MT และ E CVT เท่านั้นนะครับ
ซึ่งการปรับมุมมอง ก็ต้องเลือกฝั่งกันก่อน ว่าจะปรับข้างซ้าย หรือข้างขวา โดยเลื่อนปุ่มที่อยู่มุมบนขวาของแผงควบคุมไปตามทิศทางนั้น
แล้วก็มากดปุ่มลูกศรปรับทิศทางได้ตามถนัดเลยครับ จะขึ้น ๆ ลง ๆ ซ้ายขวา ซ้ายขวา บีเอ ซีเล็ค สตาร์ท ยังไงก็ได้ จัดไปตามความถนัดในการดูรถหลังครับ
แต่เมื่อปรับเสร็จทั้งสองฝั่งแล้ว ก็เลื่อนปุ่มที่อยู่มุมบนขวากลับมาอยู่ตรงกลางด้วยนะครับ เป็นการปิดระบบ จบการปรับนั่นเอง
แต่สำหรับรุ่น ES CVT , V CVT และ VL CVT จะมีความพิเศษเพิ่มขึ้น ตรงที่มีปุ่มพับกระจกไฟฟ้าติดมาให้ด้วยครับ
โดยถ้าเราจะพับกระจกมองข้างเก็บ ก็กดปุ่มให้ไปอยู่ในตำแหน่ง Close กระจกทั้งสองข้างก็จะพับเก็บให้อย่างเรียบร้อยครับ
ซึ่งผมแนะนำให้พับเก็บทุกครั้งหลังจอดรถครับ เพื่อป้องกันการโดนเฉี่ยวชนครับ เพราะกระจกมองข้างเป็นส่วนที่ยื่นเกินตัวรถออกมาด้านข้างเพียว ๆ นั่นเอง
และประโยชน์อีกอย่างที่ผมแนะนำให้ใช้คือ ถ้าเพื่อน ๆ ขับรถในกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ เพื่อน ๆ จะเจอมอเตอร์ไซค์ไต่ยั้วเยี้ยไปหมด โดยเฉพาะเวลารถติด มอเตอร์ไซค์จะมุดมาตามช่องแคบมะละกา โยกซ้าย ป่ายขวา เพื่อไปให้ถึงจุดหมายเร็วที่สุด
ดังนั้น ถ้าเจอมอเตอร์ไซค์ที่ไม่ชำนาญ หรือมอเตอร์ไซค์ที่ชอบ “ฝืน” ทั้ง ๆ ที่ช่องมันเล็กแสนเล็กเหลือเกิน โอกาสที่กระจกมองข้างงาม ๆ ของรถเราจะโดนมอเตอร์ไซค์กินก็มีสูงมากครับ
ซึ่งส่วนตัวผมเอง ในรถคันเก่า ๆ ที่ไม่มีโดนมาหลายคันแล้วครับ T_T
และมอเตอร์ไซค์ที่ดี ก็มีแค่ยกมือขอโทษ แล้วขี่ต่อไป ส่วนมอเตอร์ไซค์แย่ ๆ ก็ขี่ต่อไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในเมื่อเรียกร้องอะไรพวกเค้าไม่ได้ เราก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อนดีที่สุดครับ
โดยเทคนิคที่ผมใช้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ก็คือ เมื่อเห็นมอเตอร์ไซค์กำลังจะพุ่งมาในช่องแคบมะละกอ เอ๊ย มะละกา ที่เพื่อน ๆ ประเมินแล้วว่ามันไม่ผ่านแน่ แต่มันก็ยังจะฝืนมา ให้เพื่อน ๆ กดปุ่มพับกระจกมองข้างไปเลยครับ
ซึ่งมันจะส่งผลดีต่อรถเพื่อน ๆ 2 ประการ
1. กระจกมองข้างไม่โดนกิน
2. คนขี่มอเตอร์ไซค์ดี ๆ จะยิ้มหรือพยักหน้าขอบคุณ
2. คนขี่มอเตอร์ไซค์ดี ๆ จะยิ้มหรือพยักหน้าขอบคุณ
และเมื่อมอเตอร์ไซค์ผ่านพ้นไปแล้ว เพื่อน ๆ ก็กดปุ่มให้ไปอยู่ในตำแหน่ง Open เพื่อกางกระจกกลับมาเช่นเดิมครับ
ส่วนเพื่อน ๆ รุ่น S MT , E MT และ E CVT ต้องใช้มือพับกระจกมองข้างด้วยตัวเองนะครับ
—————————
ปรับกระจกมองหลัง
การปรับระดับการมองก็ง่าย ๆ ครับ เพราะใช้มือโยกเอาตามใจชอบได้เลย จะขึ้น ลง ซ้าย ขวา ได้หมด
แต่ถ้าเพื่อน ๆ สังเกตดี ๆ จะเห็นก้านเล็ก ๆ ตรงกลางของกระจกมองหลัง ซึ่งมีไว้ปรับระดับกระจกลง 1 ระดับ เพื่อลดแสงไฟจากรถคันหลังในยามค่ำคืนครับ
เช่น เพื่อน ๆ กำลังขับรถอยู่กลางดึก แล้วมีรถตามหลังมา เปิดไฟสูงซะจนแสบตา เพื่อน ๆ ก็กดปุ่มนี้ไปด้านหน้า กระจกจะลดระดับลงมาอีกระดับนึง เพื่อลดแสงที่สะท้อนเข้าตาเรา
ทีนี้ เราก็สบายตาขึ้นเยอะครับ และมองกระจกหลังได้ชัดเจนขึ้นนั่นเอง
ทีนี้เมื่อเพื่อน ๆ ปรับตำแหน่งการขับขี่ให้เข้ากับสรีระของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เรามาสำรวจเพิ่มเติมกันดีกว่าครับ ว่าในรถเราด้านหน้า มีอะไรให้เล่นบ้าง และแต่ละอย่างใช้งานกันอย่างไร
เริ่มที่ด้านข้างประตูก่อน
โดยด้านล่างจะมีที่วางขวดน้ำได้ 1 ขวดนะครับ และมีช่องยาวให้ใส่ข้างของที่จำเป็นได้
และเมื่อไล่สายตาขึ้นมา จะเจอแผงควบคุมกระจกไฟฟ้า (มีตั้งแต่รุ่น E MT ขึ้นมา) และช่องมือจับ เพื่อปิดประตู
โดยช่องมือจับเพื่อปิดประตูนั้น สามารถใส่ของจุกจิก เล็ก ๆ น้อย ๆ ได้นะครับ ส่วนตัวผมชอบใส่เหรียญไว้จ่ายค่าทางด่วน หรือค่าจอดรถแทนครับ
มาดูที่แผงควบคุมกระจกไฟฟ้ากันครับ
สำหรับกระจกไฟฟ้าด้านคนขับที่สามารถควบคุมได้ทั้ง 4 บาน ก็วางเรียงตามทิศทางของกระจกอยู่แล้ว ไม่มีการสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งแต่อย่างใด
ในกรณีที่เพื่อน ๆ ไปรับรถมา แล้วเค้าเพิ่งติดฟิล์มมาให้ จะยังไม่สามารถเปิดกระจกได้ใน 7 วันนะครับ
สำหรับการเปิด-ปิดกระจกไฟฟ้านั้น เฉพาะด้านคนขับด้านเดียว จะมีระบบ Auto คือ กดครั้งเดียวขึ้นสุด – ลงสุด
แต่ถ้าเพื่อน ๆ ประสบปัญหาว่ากดแล้วมันไม่ auto คือ ต้องกดค้าง ถึงจะขึ้น แสดงว่า ระบบไฟของรถเพื่อน ๆ ถูก Reset มาครับ
วิธีแก้ไขให้เข้าไปดูได้ที่ วิธีแก้ไขกระจกไฟฟ้าด้านคนขับขึ้น-ลงไม่ Auto
ส่วนกระจกด้านอื่นจะเป็นแบบ Manual ครับ คือ จะเปิดแค่ไหน ก็กดไปแค่นั้น จะเปิดให้หมด ก็ต้องกดจนสุด
ถัดขึ้นมาด้านบนสุดของแผงควบคุม จะพบเจอกับอีก 2 ปุ่ม
ปุ่มทางซ้ายรูปกากบาท คือ ปุ่ม Lock ไม่ให้กดประจกลง ซึ่งประโยชน์ของมันมีดังนี้ครับ
- ป้องกันลูกหลานท่านที่นั่งข้างหลัง เปิดกระจกเองโดยพลการ และอาจจะทำเรื่องที่ไม่ควรทำได้
- ป้องกันผู้โดยสารท่านอื่นเปิดกระจกเมื่อเราเพิ่งติดฟิล์มมาใหม่ ๆ ในระยะ 7 วันแรก
- ป้องกันลูกหลานท่านที่นั่งข้างหลัง เปิดกระจกเองโดยพลการ และอาจจะทำเรื่องที่ไม่ควรทำได้
- ป้องกันผู้โดยสารท่านอื่นเปิดกระจกเมื่อเราเพิ่งติดฟิล์มมาใหม่ ๆ ในระยะ 7 วันแรก
ส่วนปุ่มถัดไปทางด้านขวา รูปแม่กุญแจ คือ ปุ่ม Lock และปลด Lock ประตูรถนั่นเอง
โดยใน Nissan Almera จะไม่มีระบบล็อครถอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนดนะครับ นั่นคือ ถ้าเพื่อน ๆ ขับไปไกลแค่ไหน แต่ไม่ยอมกดปุ่มล็อคนี้ รถก็จะไม่ล็อคครับ
ยกเว้นบางท่านที่นำรถไปติดระบบกันขโมยทั่วไปเพิ่มเติม ก็จะมีระบบล็อครถอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรคใส่มาให้แทน
ซึ่งการใช้งานแรก ๆ ไม่ชินเลยครับ ลืมล็อครถทุกที
พอเริ่มล็อครถจนชินแล้ว ก็ดันลืมปลดล็อคอีก
ผลก็คือ โดนคนนั่งข้าง ๆ “เหวี่ยง” เข้าให้นะสิครับ หาว่าไม่ยอมให้เค้าลง 55555+
เนื่องจาก Nissan Almera ก็เหมือนรถรุ่นใหม่ ๆ ทั่วไป ที่อำนวยความสะดวกให้คนขับเสียเหลือเกิน นั่นคือ แม้เราจะล็อคประตูอยู่ แต่ถ้าคนขับต้องการเปิดประตูรถ ก็สามารถเปิดออกได้ในทันที ไม่ต้องปลดล็อคก่อน (เฉพาะเปิดจากภายในนะครับ แต่ถ้าเปิดจากภายนอกยังล็อคอยู่ตามปกติ)
ในเมื่อมันสะดวกแบบนี้ ผมก็ลืมปลดล็อคประจำนะสิครับ กว่าจะฝึกให้คล่อง ไม่ให้คนข้าง ๆ มาเหวี่ยงใส่ ก็เล่นเอาระบมไปทั้งตัวแล้วละ หุหุ
——————-
ระบบล็อครถอัตโนมัติใน Nissan Almera
แม้เวลาขับขี่ รถจะไม่ล็อคเองอัตโนมัติก็ตาม แต่นิสสันก็ใส่ระบบล็อคอัตโนมัติมาให้ในตอนที่ปลดล็อครถโดยไม่ได้ตั้งใจครับ
สมมติ เพื่อน ๆ ใช้รุ่น V หรือ VL แล้วสั่งปลดล็อครถด้วยรีโมท แต่เพื่อน ๆ ไม่ยอมเปิดประตูรถบานใด บานหนึ่ง ภายใน 30 วินาที รถจะล็อคเองอัตโนมัติครับ!!
ซึ่งระบบนี้มีขึ้นมาเพื่อป้องกันการเผลอไปโดนปุ่มเปิดรถที่รีโมทโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจจะทำให้ผู้ไม่หวังดี สามารถเปิดรถเราเข้าไปได้แบบสบาย ๆ
โดยระบบล็อครถอัตโนมัตินี้ ถ้าเป็นรุ่นพี่อย่าง Nissan Teana จะใช้เวลามากถึง 1 นาที กว่าจะทำงาน
ซึ่งผมมองว่ามันนานเกินไปครับ ให้เวลาแค่ 30 วินาทีอย่างใน Nissan Almera กำลังเหมาะสม
ถือว่าเป็นความปลอดภัยที่ทางนิสสันใส่ใจทำมาให้เราครับ
————————–
ปุ่ม Idle stop
เพื่อน ๆ ที่ใช้รถรุ่นเกียร์ CVT ทุกคัน เมื่อปรับกระจกมองข้างเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องเห็นปุ่มที่อยู่ต่ำลงไปจากแผงควบคุมกระจกมองข้าง ปุ่มนี้แน่นอน
ปุ่มนี้ คือ ปุ่มสั่งปิดระบบ Idle Stop หรือระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติ
เพราะระบบ Idle stop จะ “เปิด”การทำงานทุกครั้งที่สตาร์ทรถ ดังนั้น ถ้าสตาร์ทรถเสร็จแล้ว เพื่อน ๆ ไม่อยากใช้บริการระบบนี้ ก็กดปุ่มให้ไฟสีเหลืองติดขึ้นมา ระบบนี้ก็จะปิดการทำงานทันทีครับ
ส่วนรายละเอียดของ Idle Stop ผมจะยังไม่เล่าให้ฟังในตอนนี้นะครับ จะจัดเต็ม ๆ ให้ 1 ตอนเมื่อพาออกไปขับขี่เรียบร้อยแล้ว
—————————-
จากนั้นแอบโยกย้ายสายตาไปทางคอนโซลด้านซ้ายฝั่งคนนั่งซะหน่อย ว่ามีอะไรให้เราเล่นอีกบ้าง
สำหรับในส่วนนี้จะเป็นที่เก็บของล้วน ๆ เลย เริ่มจากเก๊ะด้านล่างครับ ที่ลึกและไม่ใหญ่มาก ผมชอบจับเอกสารเกี่ยวกับตัวรถใส่เก็บไว้ที่ช่องนี้
นิสสันยังแอบใส่ช่องหนีบบัตรมาให้ด้วย ก็เลยเป็นที่เหน็บนามบัตรไปโดยปริยาย
ขึ้นมาหน่อย ก็จะเจอช่องวางของเพิ่มได้อีก ผมก็ลองวางกล่องแว่นกับกระเป๋านามบัตรดูครับ
ถัดขึ้นมา ก็ไม่มีช่องเก็บของแล้วนะครับ แต่ถ้าจะติดเพิ่ม ทาง Nissan ก็มีจำหน่ายเป็น Accessories ครับ ซึ่งส่วนตัวผมแนะนำให้ติดเพิ่มครับ เพราะได้ที่เก็บของเพิ่มขึ้นครับ
ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ สนใจ ลองอ่านรีวิวที่ผมติดตั้งใน Nissan March ดูครับ รีวิว “เก๊ะเก็บของด้านบน” ของแต่ง March จากศูนย์ Nissan
—————————
จากเก๊ะเก็บของ มองขึ้นไปบนเพดานจะเจอที่บังแดด ลองดึงลงมาซิ
ซึ่งมันคือ “ที่บังแดด” จริง ๆ เพราะมันไม่มีกระจกให้แต่งเสริมเติมสวยกันเลยสักนิด
และจะใช้รุ่นไหน ก็ไม่ต้องหวัง เพราะไม่มีทุกรุ่นครับ
เห็นแบบนี้ เลยต้องไปเปิดดูฝั่งคนขับบ้าง
ซึ่งก็เป็นอย่างที่ผมรีวิวไปในตอนที่ 2 “นิสสัน อัลเมร่าแต่ละรุ่น แตกต่างกันอย่างไร?”แล้วว่า รุ่น S MT – V CVT จะไม่มีกระจกให้ส่องหน้านะครับ เป็นเฉพาะที่บังแดดเพียว ๆ เลย
ยกเว้นรุ่น VL CVT จะมีกระจกให้ตรวจสอบความมั่นใจในด้านคนขับด้านเดียวแบบนี้ครับ
เปิดดูสิ
พับที่บังแดดกลับไป ขยับสายตามาดูด้านซ้ายหรือตรงกึ่งกลางของตัวรถเลยดีกว่า ก็จะเจอกับไฟห้องโดยสาร
ซึ่งในนิสสัน อัลเมร่าจะไม่มีไฟแยกซ้าย-ขวามาให้เหมือน นิสสัน มาร์ช นะครับ ของอัลเมร่าจะเป็นดวงเดียวเพียว ๆ เลย แต่มีให้ถึง 2 ตำแหน่ง โดยอีกตำแหน่งจะอยู่ตรงกลางรถเลยครับ เพื่อช่วยเพิ่มความสว่างให้ผู้โดยสารด้านหลัง
โดยถ้าเพื่อน ๆ กดปุ่มไปที่ตำแหน่งเลข “0” ก็คือการปิดไฟนะครับ
แต่ถ้าปุ่มกลับมาอยู่ตรงกลาง คือ ไฟจะเปิดต่อเมื่อ เราเปิดประตูรถเอาไว้ ซึ่งมีประโยชน์เวลาดูว่า ประตูรถปิดสนิทแล้วหรือยัง?
และอีกตำแหน่งหนึ่ง รูปขีด 5 ขีด ลักษณะเหมือน “พระอาทิตย์” ถ้าเพื่อน ๆ กดปุ่มมาที่ตำแหน่งนี้ ไฟก็จะสว่างตลอดเวลา เพราะมันคือ “ปุ่มเปิดไฟ” นั่นเอง
———————-
จากด้านบน ไล่ลงมาด้านล่าง ส่องสายตามาถึงด้านข้างซ้ายของเบาะคนขับเลยก็จะเจอแบบนี้ครับ
เจ้าก้านยาว ๆ หลายคนรู้จักดีอยู่แล้ว ว่ามันคือ “เบรคมือ” มีไว้ให้ดริฟท์ เอ๊ย ไม่ใช่ครับ มีไว้ดึงกันรถไหล เวลาจอดในที่ลาดชันครับ
ซึ่งวิธีใช้ก็กดปุ่มที่ด้าม แล้วลากขึ้นมาเลยครับ เวลาไปจอดในที่ลาดชัน จะช่วยกันรถไหลได้อีกชั้นหนึ่งครับ ซึ่งในรุ่นเกียร์ธรรมดาอย่าง S MT และ E MT ควรใช้ตอนที่รถติดบนสะพานด้วยนะครับ เวลาออกตัวให้ออกตัวไปก่อนนิดนึง แล้วดึงเบรคมือตาม จะช่วยไม่ให้รถไหลไปข้างหลังครับ
ซึ่งวิธีดึงเบรคมือลงก็เพียงกดปุ่มที่ด้าม แล้วดึงเบรคมือขึ้นให้สุด จากนั้นก็ดันกลับลงไปที่เดิมได้เลยครับ
ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ ดึงเบรคมือเอาไว้ จะมีไฟเตือนขึ้นที่หน้าจอแบบนี้
แล้วถ้าเพื่อน ๆ ออกรถไป โดยที่ไม่ได้ดึงเบรคมือลง เมื่อถึงความเร็วประมาณ 20 กม./ชม. รถจะร้องเตือนนะครับ เสียงคล้าย ๆ นาฬิกาดัง เพื่อเตือนว่า เพื่อน ๆ ลืมปลดเบรคมือ
เป็นการช่วยป้องกันผลลัพธ์ของการลืม นั่นคืออาการ “เบรคไหม้” ครับ
——————————
ถัดมาทางขวาของเบรคมือ จะเป็นช่องใส่ของอเนกประสงค์ ซึ่งทางนิสสันแจ้งว่า ให้เอาไว้วางแผ่นซีดีเพลงโปรด แต่เพื่อน ๆ จะเอาไว้วางใบแจ้งค่างวดก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใดนะครับ 55555+
ติดกับช่องวางใบแจ้งค่างวด เอ๊ย ซีดีเพลง จะเห็นจุกกลม ๆ ดำ ๆ แบบนี้ นี่คือ ช่องจ่ายไฟสำรองขนาด 12V 120W ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถเสียบชาร์ตแบตมือถือ หรือกล้องถ่ายรูปอะไรก็ได้ครับ ถ้ามีอแดปเตอร์สำหรับการเสียบชาร์ตในรถ ก็จัดไปได้เลย
สำหรับเพื่อน ๆ ที่สูบบุหรี่ แล้วจะใช้ตรงนี้จุดบุหรี่ ยังไม่สามารถทำได้นะครับ เพื่อน ๆ ต้องซื้อที่จุดบุหรี่มาเพิ่มเติม โดยศูนย์นิสสันเค้าก็ทำออกมาจำหน่ายเป็น Accessories ในราคา 420 บาทครับ
ซึ่งผมคิดว่า ซื้อไฟแช็คเอาเถอะครับ 55555+
————————-
เทคนิคการ“บีบแตร”
ผมขึ้นมาลูบ ๆ คลำ ๆ พวงมาลัยยูรีเทนอีกครั้ง สัมผัสนี้เป็นสัมผัสที่ผมคุ้นเคยมากที่สุด เพราะเป็นสัมผัสเดียวกับ Nissan March ที่ผมครอบครองอยู่ และพาตระเวนขึ้นเหนือ ลงใต้ ไปอีสานมาเกือบ 50,000 กิโลเมตรแล้ว ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา
เพียงแต่เมื่อผมใช้เทคนิคการ“บีบแตร” ที่ผมเคยรีวิวเอาไว้ที่ เทคนิคการบีบ”แตร” Nissan March นั้น ผมพบว่า แตรของ Nissan Almera มันกดง่ายกว่าของ Nissan March มาก ใช้เทคนิคกดเฉียงนิดเดียวก็ดังแล้ว
แต่ข้อเสียคือ เสียงแตรที่ดังออกมา ดันเสียงเหมือนกับ Nissan March เป๊ะเลย คือ ดังนะ แต่ดังแบบ “น่ารักอ่า” ไม่ค่อยเชื้อเชิญให้รถใหญ่ ๆ หลบไปจากรถเราสักเท่าไหร่นัก ถ้าไม่กดรัว ๆ แบบไม่กลัวถูกด่า
ซึ่งเสียงแตรแบบ“น่ารักอ่า” มันเหมาะกับหน้าตาของ Nissan March อยู่แล้วครับ แต่เมื่อมันมาอยู่ใน Nissan Almera ซึ่งเป็นซีดานคันใหญ่ ดูไม่ค่อยจะเหมาะ จะเจาะเท่าไหร่นัก
แต่เอาเถอะครับ บางคนก็ไม่ได้ใช้แตรกันอยู่แล้ว และถ้าบางคนจะใช้ ก็หาเปลี่ยนเสียงแตรกันตามร้านข้างนอกได้ในราคาหลักร้อยครับ
ถัดจากแตรตรงกลาง หันมามองด้านซ้ายในรุ่น V CVT และ VL CVT เพื่อน ๆ จะพบปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย
ซึ่งถือว่าสะดวกมาก ๆ ในการควบคุมเสียงเพลงโดยไม่ต้องละมือไปให้เสียสมาธิ ซึ่งการใช้งานผมจะรีวิวในตอนถัด ๆ ไปเรื่องวิทยุนะครับ
————————-
ถัดจากพวงมาลัยมาทางด้านขวามือ สำหรับรุ่น S MT – V CVT เพื่อน ๆ จะพบกับก้านยาว ๆ แบบนี้นะครับ
แต่ถ้าเพื่อน ๆ ที่ใช้รุ่น VL CVT หรือรุ่นท็อปสุด ก็จะเจอก้านยาวหน้าตาแบบนี้แทนครับ
ซึ่งเจ้าก้านยาวที่ไม่ใช่พันธุ์ทุเรียนนี้ มันคือ ตัวควบคุมไฟภายนอกรถครับ มาดูกันเลยดีกว่าครับ ว่าใช้งานอย่างไรบ้าง?
ถ้าท่านต้องการเปิดไฟเลี้ยวซ้าย ให้ท่านยกก้านขึ้น ไฟเลี้ยวซ้ายจะเปิด ก้านจะค้างไว้จนกว่าท่านเลี้ยวเสร็จ ก้านก็จะกลับมาที่ตำแหน่งเดิม เพื่อปิดไฟเลี้ยว
ในทางกลับกัน ถ้าท่านต้องการเลี้ยวขวา ท่านก็กดก้านนั้นลง ไฟเลี้ยวขวาจะเปิด ก้านจะค้างไว้จนกว่าท่านเลี้ยวเสร็จ ก้านก็จะกลับมาที่ตำแหน่งเดิม เพื่อปิดไฟเลี้ยว
ในทางกลับกัน ถ้าท่านต้องการเลี้ยวขวา ท่านก็กดก้านนั้นลง ไฟเลี้ยวขวาจะเปิด ก้านจะค้างไว้จนกว่าท่านเลี้ยวเสร็จ ก้านก็จะกลับมาที่ตำแหน่งเดิม เพื่อปิดไฟเลี้ยว
มาถึงตรงนี้ ขอร้องให้ผู้อ่านทุกท่าน…ช่วยเปิดไฟเลี้ยวกันด้วยนะครับ เปิดไปเถอะครับ หลอดมันไม่ขาดง่าย ๆ หรอก ช่วยบอกเพื่อนร่วมถนนบ้าง ว่าท่านจะไปไหน จะทำอะไร ไม่ใช่อยากออกก็ออก อยากเลี้ยวก็เลี้ยว ไม่งั้นโรงงานเค้าจะผลิตไฟเลี้ยวมาทำอะไรละครับ?
มาดูต่อครับ หลังจากยกขึ้น กดลงแล้ว คราวนี้มาดันหน้า-ดันหลังกันบ้าง
ถ้าท่านต้องการขอทางด้วยการเปิดไฟสูงแบบชั่วคราว ให้ท่านกดก้านเข้าหาตัวครับ
ซึ่งในการกดเข้าหาตัวนี้ มันจะไม่ค้างในตำแหน่งนะครับ ถ้าท่านปล่อยมือ ไฟก็ดับ ซึ่งเอาไว้ใช้เปิดชั่วคราว เช่นขอทาง หรือทักทายเพื่อนสมาชิกเท่านั้นเองครับ
ถ้าท่านต้องการขอทางด้วยการเปิดไฟสูงแบบชั่วคราว ให้ท่านกดก้านเข้าหาตัวครับ
ซึ่งในการกดเข้าหาตัวนี้ มันจะไม่ค้างในตำแหน่งนะครับ ถ้าท่านปล่อยมือ ไฟก็ดับ ซึ่งเอาไว้ใช้เปิดชั่วคราว เช่นขอทาง หรือทักทายเพื่อนสมาชิกเท่านั้นเองครับ
ส่วนการผลักก้านไปข้างหน้า เป็นการเปิดไฟสูงแบบค้างนะครับ คือ ถ้าไม่ดึงกลับมาที่เดิม ไฟก็จะสูงแสบตาอยู่อย่างนั้น
โดยมันจะใช้งานได้ในยามค่ำคืนเป็นหลักครับ ซึ่งทางผู้ผลิตออกแบบมาเพื่อเปิดไฟสูงเวลาขับบนถนนเปลี่ยว ๆ ไม่มีรถราวิ่งสวนมา เพื่อท่านจะได้มองระยะไกลได้ โดยไม่ต้องกดค้างให้เมื่อยมือ
โดยมันจะใช้งานได้ในยามค่ำคืนเป็นหลักครับ ซึ่งทางผู้ผลิตออกแบบมาเพื่อเปิดไฟสูงเวลาขับบนถนนเปลี่ยว ๆ ไม่มีรถราวิ่งสวนมา เพื่อท่านจะได้มองระยะไกลได้ โดยไม่ต้องกดค้างให้เมื่อยมือ
ยังไม่หมดครับ ก้านเดียวใช้ให้คุ้ม มาดูกันต่อครับ
ในส่วนปลายของก้าน ที่มือผมจับอยู่ นั่นคือ การเปิดไฟหน้ารถครับ ถ้าเราบิดไปข้างหน้า 1 ที จะเป็นการเปิดไฟหรี่
บิดอีกทีจะเป็นการเปิดไฟหน้าครับ
บิดอีกทีจะเป็นการเปิดไฟหน้าครับ
ซึ่งแน่นอนครับ ไฟท้ายและไฟส่องป้ายทะเบียนจะติดด้วยเช่นกัน
สำหรับมือใหม่หัดขับ ถ้าฟ้าเริ่มมืดแล้ว อย่าลืมเปิดไฟหน้ารถนะครับ แม้ถนนจะสว่าง แต่เพื่อนร่วมทางจะมองไม่เห็นนะครับ
เพราะเจ้า Nissan Almera ในรุ่น V CVT และ VL CVT ก็ดันทำตัวไฮโซซะอีกด้วย เพราะมีจอเรืองแสงเหมือนรถราคาแพงทั่วไป
ในเวลากลางวันเรือนไมล์จะเรืองแสงออกมา ซึ่งจะคล้าย ๆ เวลาเราขับกลางคืน เปิดไฟนั่นแหล่ะครับ
ทีนี้มันก็ทำให้เจ้าของรถ“ลืม”ไปเลยว่าตัวเองยังไม่ได้เปิดไฟ
เพราะเห็นหน้าปัดมันเรืองแสงแล้ว ก็เข้าใจว่า รถเราเปิดไฟหน้าเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งผมพบเห็นอยู่บ่อยครั้ง พอเราไม่ได้เปิดไฟ เพื่อนร่วมทางไม่เห็นรถเราวิ่งเข้ามา ก็จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมากครับ
——————–
และสำหรับรุ่น VL CVT จะมีก้านตรงกลางเพิ่มขึ้นมา นั่นคือ การเปิด-ปิด ไฟตัดหมอกนะครับ ซึ่งวิธีใช้ก็ทำเหมือนตอนเปิดไฟหน้าเลยครับ
และเมื่อเราเปิดไฟตัดหมอกขึ้นมาแล้ว จะมีสัญญลักษณ์เหมือนถ้วยหลอดไฟ หรือรูปตัว D สีเขียวด้านล่างขึ้นมา เพื่อบอกว่า เราเปิดไฟตัดหมอกอยู่นะครับ
ส่วนรูปถ้วยหลอดไฟเล็ก ๆ หันหลังชนกันแล้วมีขีด 3 ขีดออกมาทั้ง 2 ด้านนั้น คือ สัญญลักษณ์ที่บอกให้รู้ว่า เราเปิดไฟหน้ารถอยู่นะครับ โดยจะแสดงเฉพาะรุ่น V CVT และ VL CVT ที่เป็นจอเรืองแสงเท่านั้นครับ เพราะจอเรืองแสงจะทำให้เราสับสนว่าเราเปิดไฟหน้ารถแล้วหรือยังนั่นเอง?
สำหรับไฟตัดหมอกนั้น ผมไม่แนะนำให้เปิดในการใช้งานปกตินะครับ เพราะมันอาจจะไปรบกวนสายตาของรถคันอื่นที่สวนมาได้ แนะนำให้เปิดตอนมีหมอกหนา ๆ จริง ๆ (อย่างหน้าหนาวในภาคเหนือเป็นต้น) หรือในกรุงเทพ ก็ควรใช้เมื่อฝนตกหนักมาก ๆ จนมองทางไม่เห็น และถ้าจะใช้ในเวลากลางคืน แนะนำให้ใช้เมื่อขับบนถนนที่มืดสนิท และไม่มีผู้คนครับ
———————
และถ้ามีขวา ก็ต้องมีซ้าย
นี่คือ ที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้าสำหรับรุ่น S MT , E MT , E CVT , ES CVT และ V CVT ครับ
ส่วน VL CVT ได้เอกสิทธิ์หนึ่งเดียวในตองอูไปครอบครองอีกแล้ว เพราะจะกลายเป็นแบบนี้
เอ๊ะ แล้วมันต่างกันยังไงน้า? ถ้าอยากรู้ รบกวนเข้าไปดูที่ วิธีใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลา และแบบตั้งเวลาหน่วงใน NISSAN ALMERAได้เลยครับ เพราะผมเขียนรีวิวข้อแตกต่าง และวิธีใช้งานให้เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งรีวิวตอนที่ 6 ก็คงจบแต่เพียงเท่านี้ก่อนครับ สำหรับตอนหน้า ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปเรียนรู้การดูหน้าจอเรือนไมล์ของ Nissan Almera ทั้ง 2 แบบ คือ แบบธรรมดา และแบบเรืองแสง ว่าจะใช้งานและตั้งค่าอย่างไร?
แล้วตัวอักษรที่ปรากฏบนหน้าจออย่าง ODO หรือ AVG มันคืออะไร? Trip A กับ Trip B ต่างกันแค่ไหน?
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น