วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

ตอนที่ 6 “สำรวจเบาะหน้า แล้วปรับท่าให้เหมาะสม”

รีวิว NISSAN ALMERA BY BIERE ตอนที่ 6 “สำรวจเบาะหน้า แล้วปรับท่าให้เหมาะสม”




และแล้วเราก็ได้ก้าวมานั่งในตำแหน่งคนขับเสียที
ถึงเวลานี้ เพื่อน ๆ หลายคนคงดีใจ เพราะลุ้นกันมาทุกตอน ว่าผมจะขึ้นนั่ง Almera แล้วพาออกวิ่งเมื่อไหร่ หลังจากวนเวียน และเวียนวนดูรถไปแล้วรอบคัน
แต่ช้าก่อน อย่าเพิ่งดีใจไป เพราะล้อจะหมุนได้เยี่ยงไร ถ้ายังไม่ได้ปรับตำแหน่งการขับขี่ให้เหมาะสม และเรียนรู้การใช้งานในแต่ละส่วน ให้รู้แจ้งเห็นจริง
ดังนั้น มาเริ่มปรับตำแหน่งการขับขี่กันก่อนดีกว่าครับ
———————-

ปรับเบาะ
สำหรับรุ่น E MT ไล่มาจนถึง VL CVT จะสามารถปรับเบาะสูง-ต่ำ ได้ด้วยนะครับ ซึ่งตัวปรับเบาะจะอยู่ด้านข้างเบาะด้านขวา และมีหน้าตาแบบนี้


เริ่มที่ตัวแรกก่อน อยู่ด้านในสุด และมีขนาดสั้นสุด ตัวนี้เอาไว้ปรับเบาะเอนหน้า-หลัง

วิธีปรับ ก็ให้ดึงก้านขึ้น เพื่อปลดล็อคก่อน จากนั้นก็ดึงค้างไว้ครับ
- ถ้าเราจะเอนไปข้างหลังก็เอาหลังดันเบาะไปจนถึงระยะที่พอใจ
- ถ้าเราจะให้เบาะเอนมาด้านหน้า ก็ไม่ต้องเอาหลังดัน แต่ให้เลื่อนหลังมาด้านหน้าแทน มันก็จะเกาะหลังคุณมาตามตำแหน่งที่คุณต้องการด้วย

มาดูที่ปรับตัวถัดมาด้านขวา หรือ ก้านยาว (แต่ไม่ใช่พันธุ์ทุเรียนนะครับ 55555+)

มีเจ้าตัวนี้แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่า ผมตัวสูงไปครับ!!! หรือ หนูตัวเตี้ยไปค่ะ!!! เพราะสามารถใช้เจ้าก้านยาวนี้ ปรับเบาะให้เข้ากับสรีระของเพื่อน ๆ ที่แตกต่างกันได้
ถ้าคุณตัวเล็ก ก็โยกเจ้าก้านยาวนี้ขึ้นทีละจังหวะ เบาะจะยกไปทีละ step ได้ระดับที่พึงพอใจก็หยุดครับ
แต่ถ้าใครลองโยกแล้วเบาะไม่ขึ้นตาม กรุณาลดน้ำหนักตัวด่วนครับ!!! 55555+

ส่วนเพื่อน ๆ ที่ตัวสู๊งงงง สูง ก็โยกก้านลงไปทีละจังหวะครับ ได้ตำแหน่งที่ต้องการก็หยุดโยกซะ
ส่วนการเลื่อนเบาะไปข้างหน้าหรือข้างหลัง ให้เพื่อน ๆ เอามือลอดขาทั้ง 2 ข้างของท่าน แล้วล้วงไปใต้เบาะที่นั่ง ก็จะเจอก้านเหล็กยาว ๆ ขวางอยู่ ก็ให้ยกก้านเหล็กขึ้นเพื่อปลด Lock และกดค้างไว้ก่อน แล้วเอาก้นงาม ๆ ของท่านไสเบาะไปข้างหน้าหรือข้างหลังให้ได้ระดับตามใจชอบเลยนะครับ
ส่วนเบาะนั่งของผู้โดยสารด้านหน้า จะไม่มีการปรับสูง-ต่ำ-ดำ-ขาว นะครับ มีแค่การปรับเอนหลัง และเลื่อนเบาะไปหน้า-หลังเท่านั้น
———————–

ปรับระดับพวงมาลัย


คราวนี้ รุ่น S MT ไม่ต้องน้อยใจแล้วครับ เพราะพวงมาลัยสูง-ต่ำ ปรับกันได้ทุกรุ่น

วิธีการปรับ
ให้เอามือล้วงเข้าไปใต้พวงมาลัยครับ จะเจอกับก้านรูปตัว L ก้านนี้


จากนั้นก็ดึงมันลงมาแล้วดันมันไปด้านหน้าครับ

ในขั้นตอนนี้แนะนำให้เอามืออีกข้างจับพวงมาลัยไว้ก่อนนะครับ เพราะถ้าไม่จับ เกิดตำแหน่งของพวงมาลัยในขณะนั้นอยู่สูงกว่าปกติ มันจะตกลงมากระแทกทันทีครับ ซึ่งถ้ามันมากระแทกโดนขาของเพื่อน ๆ ก็อาจจะมีการบาดเจ็บกันได้นะครับ
และสำหรับบางท่าน ที่ใช้การคลำหาก้านปรับเพียงอย่างเดียว ต้องมั่นใจนะครับ ว่าเจอปลายด้ามมันจริง ๆ เพราะอย่างผมตอนที่ดึงครั้งแรก ก็ไม่ยอมคลำจนถึงปลายด้ามของมัน เลยรู้สึกว่าดึงลงมายากมาก จนนึกว่ามันแข็งครับ แต่ความจริง ไปจับโดนส่วนอื่น มันก็ดึงลงมาไม่ได้อยู่แล้วนั่นเอง
และเมื่อดึงก้านลงมาได้แล้ว เราก็ปรับระดับพวงมาลัยสูง-ต่ำ ได้ตามใจชอบเลยครับ
เมื่อปรับเสร็จแล้ว ให้เอามือข้างหนึ่งจับตำแหน่งพวงมาลัยที่ปรับเอาไว้ แล้วเอามืออีกข้างหนึ่งไปกดก้านกลับที่เดิมให้แน่น ๆ เพื่อล็อคตำแหน่งพวงมาลัยครับ
————————–

ปรับกระจกมองข้าง


สำหรับการปรับกระจกมองข้าง ก็ให้ใช้แผงควบคุมบริเวณขวาสุดของคอนโซลหน้าเลยครับ

สำหรับภาพด้านบน จะเป็นของรุ่น E MT และ E CVT เท่านั้นนะครับ
ซึ่งการปรับมุมมอง ก็ต้องเลือกฝั่งกันก่อน ว่าจะปรับข้างซ้าย หรือข้างขวา โดยเลื่อนปุ่มที่อยู่มุมบนขวาของแผงควบคุมไปตามทิศทางนั้น
แล้วก็มากดปุ่มลูกศรปรับทิศทางได้ตามถนัดเลยครับ จะขึ้น ๆ ลง ๆ ซ้ายขวา ซ้ายขวา บีเอ ซีเล็ค สตาร์ท ยังไงก็ได้ จัดไปตามความถนัดในการดูรถหลังครับ



แต่เมื่อปรับเสร็จทั้งสองฝั่งแล้ว ก็เลื่อนปุ่มที่อยู่มุมบนขวากลับมาอยู่ตรงกลางด้วยนะครับ เป็นการปิดระบบ จบการปรับนั่นเอง
แต่สำหรับรุ่น ES CVT , V CVT และ VL CVT จะมีความพิเศษเพิ่มขึ้น ตรงที่มีปุ่มพับกระจกไฟฟ้าติดมาให้ด้วยครับ

โดยถ้าเราจะพับกระจกมองข้างเก็บ ก็กดปุ่มให้ไปอยู่ในตำแหน่ง Close กระจกทั้งสองข้างก็จะพับเก็บให้อย่างเรียบร้อยครับ
ซึ่งผมแนะนำให้พับเก็บทุกครั้งหลังจอดรถครับ เพื่อป้องกันการโดนเฉี่ยวชนครับ เพราะกระจกมองข้างเป็นส่วนที่ยื่นเกินตัวรถออกมาด้านข้างเพียว ๆ นั่นเอง
และประโยชน์อีกอย่างที่ผมแนะนำให้ใช้คือ ถ้าเพื่อน ๆ ขับรถในกรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร์ เพื่อน ๆ จะเจอมอเตอร์ไซค์ไต่ยั้วเยี้ยไปหมด โดยเฉพาะเวลารถติด มอเตอร์ไซค์จะมุดมาตามช่องแคบมะละกา โยกซ้าย ป่ายขวา เพื่อไปให้ถึงจุดหมายเร็วที่สุด
ดังนั้น ถ้าเจอมอเตอร์ไซค์ที่ไม่ชำนาญ หรือมอเตอร์ไซค์ที่ชอบ “ฝืน” ทั้ง ๆ ที่ช่องมันเล็กแสนเล็กเหลือเกิน โอกาสที่กระจกมองข้างงาม ๆ ของรถเราจะโดนมอเตอร์ไซค์กินก็มีสูงมากครับ


ซึ่งส่วนตัวผมเอง ในรถคันเก่า ๆ ที่ไม่มีโดนมาหลายคันแล้วครับ T_T
และมอเตอร์ไซค์ที่ดี ก็มีแค่ยกมือขอโทษ แล้วขี่ต่อไป ส่วนมอเตอร์ไซค์แย่ ๆ ก็ขี่ต่อไป เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในเมื่อเรียกร้องอะไรพวกเค้าไม่ได้ เราก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อนดีที่สุดครับ
โดยเทคนิคที่ผมใช้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ก็คือ เมื่อเห็นมอเตอร์ไซค์กำลังจะพุ่งมาในช่องแคบมะละกอ เอ๊ย มะละกา ที่เพื่อน ๆ ประเมินแล้วว่ามันไม่ผ่านแน่ แต่มันก็ยังจะฝืนมา ให้เพื่อน ๆ กดปุ่มพับกระจกมองข้างไปเลยครับ

ซึ่งมันจะส่งผลดีต่อรถเพื่อน ๆ 2 ประการ
1. กระจกมองข้างไม่โดนกิน
2. คนขี่มอเตอร์ไซค์ดี ๆ จะยิ้มหรือพยักหน้าขอบคุณ
และเมื่อมอเตอร์ไซค์ผ่านพ้นไปแล้ว เพื่อน ๆ ก็กดปุ่มให้ไปอยู่ในตำแหน่ง Open เพื่อกางกระจกกลับมาเช่นเดิมครับ
ส่วนเพื่อน ๆ รุ่น S MT , E MT และ E CVT ต้องใช้มือพับกระจกมองข้างด้วยตัวเองนะครับ
—————————

ปรับกระจกมองหลัง

การปรับระดับการมองก็ง่าย ๆ ครับ เพราะใช้มือโยกเอาตามใจชอบได้เลย จะขึ้น ลง ซ้าย ขวา ได้หมด
แต่ถ้าเพื่อน ๆ สังเกตดี ๆ จะเห็นก้านเล็ก ๆ ตรงกลางของกระจกมองหลัง ซึ่งมีไว้ปรับระดับกระจกลง 1 ระดับ เพื่อลดแสงไฟจากรถคันหลังในยามค่ำคืนครับ
เช่น เพื่อน ๆ กำลังขับรถอยู่กลางดึก แล้วมีรถตามหลังมา เปิดไฟสูงซะจนแสบตา เพื่อน ๆ ก็กดปุ่มนี้ไปด้านหน้า กระจกจะลดระดับลงมาอีกระดับนึง เพื่อลดแสงที่สะท้อนเข้าตาเรา
ทีนี้ เราก็สบายตาขึ้นเยอะครับ และมองกระจกหลังได้ชัดเจนขึ้นนั่นเอง
ทีนี้เมื่อเพื่อน ๆ ปรับตำแหน่งการขับขี่ให้เข้ากับสรีระของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เรามาสำรวจเพิ่มเติมกันดีกว่าครับ ว่าในรถเราด้านหน้า มีอะไรให้เล่นบ้าง และแต่ละอย่างใช้งานกันอย่างไร


เริ่มที่ด้านข้างประตูก่อน

โดยด้านล่างจะมีที่วางขวดน้ำได้ 1 ขวดนะครับ และมีช่องยาวให้ใส่ข้างของที่จำเป็นได้
และเมื่อไล่สายตาขึ้นมา จะเจอแผงควบคุมกระจกไฟฟ้า (มีตั้งแต่รุ่น E MT ขึ้นมา) และช่องมือจับ เพื่อปิดประตู

โดยช่องมือจับเพื่อปิดประตูนั้น สามารถใส่ของจุกจิก เล็ก ๆ น้อย ๆ ได้นะครับ ส่วนตัวผมชอบใส่เหรียญไว้จ่ายค่าทางด่วน หรือค่าจอดรถแทนครับ

มาดูที่แผงควบคุมกระจกไฟฟ้ากันครับ
สำหรับกระจกไฟฟ้าด้านคนขับที่สามารถควบคุมได้ทั้ง 4 บาน ก็วางเรียงตามทิศทางของกระจกอยู่แล้ว ไม่มีการสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งแต่อย่างใด
ในกรณีที่เพื่อน ๆ ไปรับรถมา แล้วเค้าเพิ่งติดฟิล์มมาให้ จะยังไม่สามารถเปิดกระจกได้ใน 7 วันนะครับ

สำหรับการเปิด-ปิดกระจกไฟฟ้านั้น เฉพาะด้านคนขับด้านเดียว จะมีระบบ Auto คือ กดครั้งเดียวขึ้นสุด – ลงสุด
แต่ถ้าเพื่อน ๆ ประสบปัญหาว่ากดแล้วมันไม่ auto คือ ต้องกดค้าง ถึงจะขึ้น แสดงว่า ระบบไฟของรถเพื่อน ๆ ถูก Reset มาครับ
วิธีแก้ไขให้เข้าไปดูได้ที่ วิธีแก้ไขกระจกไฟฟ้าด้านคนขับขึ้น-ลงไม่ Auto
ส่วนกระจกด้านอื่นจะเป็นแบบ Manual ครับ คือ จะเปิดแค่ไหน ก็กดไปแค่นั้น จะเปิดให้หมด ก็ต้องกดจนสุด

ถัดขึ้นมาด้านบนสุดของแผงควบคุม จะพบเจอกับอีก 2 ปุ่ม
ปุ่มทางซ้ายรูปกากบาท คือ ปุ่ม Lock ไม่ให้กดประจกลง ซึ่งประโยชน์ของมันมีดังนี้ครับ
- ป้องกันลูกหลานท่านที่นั่งข้างหลัง เปิดกระจกเองโดยพลการ และอาจจะทำเรื่องที่ไม่ควรทำได้
- ป้องกันผู้โดยสารท่านอื่นเปิดกระจกเมื่อเราเพิ่งติดฟิล์มมาใหม่ ๆ ในระยะ 7 วันแรก
ส่วนปุ่มถัดไปทางด้านขวา รูปแม่กุญแจ คือ ปุ่ม Lock และปลด Lock ประตูรถนั่นเอง
โดยใน Nissan Almera จะไม่มีระบบล็อครถอัตโนมัติเมื่อถึงความเร็วที่กำหนดนะครับ นั่นคือ ถ้าเพื่อน ๆ ขับไปไกลแค่ไหน แต่ไม่ยอมกดปุ่มล็อคนี้ รถก็จะไม่ล็อคครับ
ยกเว้นบางท่านที่นำรถไปติดระบบกันขโมยทั่วไปเพิ่มเติม ก็จะมีระบบล็อครถอัตโนมัติเมื่อเหยียบเบรคใส่มาให้แทน
ซึ่งการใช้งานแรก ๆ ไม่ชินเลยครับ ลืมล็อครถทุกที
พอเริ่มล็อครถจนชินแล้ว ก็ดันลืมปลดล็อคอีก
ผลก็คือ โดนคนนั่งข้าง ๆ “เหวี่ยง” เข้าให้นะสิครับ หาว่าไม่ยอมให้เค้าลง 55555+

เนื่องจาก Nissan Almera ก็เหมือนรถรุ่นใหม่ ๆ ทั่วไป ที่อำนวยความสะดวกให้คนขับเสียเหลือเกิน นั่นคือ แม้เราจะล็อคประตูอยู่ แต่ถ้าคนขับต้องการเปิดประตูรถ ก็สามารถเปิดออกได้ในทันที ไม่ต้องปลดล็อคก่อน (เฉพาะเปิดจากภายในนะครับ แต่ถ้าเปิดจากภายนอกยังล็อคอยู่ตามปกติ)
ในเมื่อมันสะดวกแบบนี้ ผมก็ลืมปลดล็อคประจำนะสิครับ กว่าจะฝึกให้คล่อง ไม่ให้คนข้าง ๆ มาเหวี่ยงใส่ ก็เล่นเอาระบมไปทั้งตัวแล้วละ หุหุ
——————-

ระบบล็อครถอัตโนมัติใน Nissan Almera
แม้เวลาขับขี่ รถจะไม่ล็อคเองอัตโนมัติก็ตาม แต่นิสสันก็ใส่ระบบล็อคอัตโนมัติมาให้ในตอนที่ปลดล็อครถโดยไม่ได้ตั้งใจครับ
สมมติ เพื่อน ๆ ใช้รุ่น V หรือ VL แล้วสั่งปลดล็อครถด้วยรีโมท แต่เพื่อน ๆ ไม่ยอมเปิดประตูรถบานใด บานหนึ่ง ภายใน 30 วินาที รถจะล็อคเองอัตโนมัติครับ!!
ซึ่งระบบนี้มีขึ้นมาเพื่อป้องกันการเผลอไปโดนปุ่มเปิดรถที่รีโมทโดยไม่ได้ตั้งใจ อาจจะทำให้ผู้ไม่หวังดี สามารถเปิดรถเราเข้าไปได้แบบสบาย ๆ
โดยระบบล็อครถอัตโนมัตินี้ ถ้าเป็นรุ่นพี่อย่าง Nissan Teana จะใช้เวลามากถึง 1 นาที กว่าจะทำงาน
ซึ่งผมมองว่ามันนานเกินไปครับ ให้เวลาแค่ 30 วินาทีอย่างใน Nissan Almera กำลังเหมาะสม
ถือว่าเป็นความปลอดภัยที่ทางนิสสันใส่ใจทำมาให้เราครับ
————————–
ปุ่ม Idle stop
เพื่อน ๆ ที่ใช้รถรุ่นเกียร์ CVT ทุกคัน เมื่อปรับกระจกมองข้างเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องเห็นปุ่มที่อยู่ต่ำลงไปจากแผงควบคุมกระจกมองข้าง ปุ่มนี้แน่นอน

ปุ่มนี้ คือ ปุ่มสั่งปิดระบบ Idle Stop หรือระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติ
เพราะระบบ Idle stop จะ “เปิด”การทำงานทุกครั้งที่สตาร์ทรถ ดังนั้น ถ้าสตาร์ทรถเสร็จแล้ว เพื่อน ๆ ไม่อยากใช้บริการระบบนี้ ก็กดปุ่มให้ไฟสีเหลืองติดขึ้นมา ระบบนี้ก็จะปิดการทำงานทันทีครับ
ส่วนรายละเอียดของ Idle Stop ผมจะยังไม่เล่าให้ฟังในตอนนี้นะครับ จะจัดเต็ม ๆ ให้ 1 ตอนเมื่อพาออกไปขับขี่เรียบร้อยแล้ว
—————————-
จากนั้นแอบโยกย้ายสายตาไปทางคอนโซลด้านซ้ายฝั่งคนนั่งซะหน่อย ว่ามีอะไรให้เราเล่นอีกบ้าง


สำหรับในส่วนนี้จะเป็นที่เก็บของล้วน ๆ เลย เริ่มจากเก๊ะด้านล่างครับ ที่ลึกและไม่ใหญ่มาก ผมชอบจับเอกสารเกี่ยวกับตัวรถใส่เก็บไว้ที่ช่องนี้


นิสสันยังแอบใส่ช่องหนีบบัตรมาให้ด้วย ก็เลยเป็นที่เหน็บนามบัตรไปโดยปริยาย


ขึ้นมาหน่อย ก็จะเจอช่องวางของเพิ่มได้อีก ผมก็ลองวางกล่องแว่นกับกระเป๋านามบัตรดูครับ

ถัดขึ้นมา ก็ไม่มีช่องเก็บของแล้วนะครับ แต่ถ้าจะติดเพิ่ม ทาง Nissan ก็มีจำหน่ายเป็น Accessories ครับ ซึ่งส่วนตัวผมแนะนำให้ติดเพิ่มครับ เพราะได้ที่เก็บของเพิ่มขึ้นครับ
ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ สนใจ ลองอ่านรีวิวที่ผมติดตั้งใน Nissan March ดูครับ รีวิว “เก๊ะเก็บของด้านบน” ของแต่ง March จากศูนย์ Nissan
—————————

จากเก๊ะเก็บของ มองขึ้นไปบนเพดานจะเจอที่บังแดด ลองดึงลงมาซิ

ซึ่งมันคือ “ที่บังแดด” จริง ๆ เพราะมันไม่มีกระจกให้แต่งเสริมเติมสวยกันเลยสักนิด
และจะใช้รุ่นไหน ก็ไม่ต้องหวัง เพราะไม่มีทุกรุ่นครับ
เห็นแบบนี้ เลยต้องไปเปิดดูฝั่งคนขับบ้าง

ซึ่งก็เป็นอย่างที่ผมรีวิวไปในตอนที่ 2 “นิสสัน อัลเมร่าแต่ละรุ่น แตกต่างกันอย่างไร?”แล้วว่า รุ่น S MT – V CVT จะไม่มีกระจกให้ส่องหน้านะครับ เป็นเฉพาะที่บังแดดเพียว ๆ เลย
ยกเว้นรุ่น VL CVT จะมีกระจกให้ตรวจสอบความมั่นใจในด้านคนขับด้านเดียวแบบนี้ครับ


เปิดดูสิ


พับที่บังแดดกลับไป ขยับสายตามาดูด้านซ้ายหรือตรงกึ่งกลางของตัวรถเลยดีกว่า ก็จะเจอกับไฟห้องโดยสาร

ซึ่งในนิสสัน อัลเมร่าจะไม่มีไฟแยกซ้าย-ขวามาให้เหมือน นิสสัน มาร์ช นะครับ ของอัลเมร่าจะเป็นดวงเดียวเพียว ๆ เลย แต่มีให้ถึง 2 ตำแหน่ง โดยอีกตำแหน่งจะอยู่ตรงกลางรถเลยครับ เพื่อช่วยเพิ่มความสว่างให้ผู้โดยสารด้านหลัง

โดยถ้าเพื่อน ๆ กดปุ่มไปที่ตำแหน่งเลข “0” ก็คือการปิดไฟนะครับ


แต่ถ้าปุ่มกลับมาอยู่ตรงกลาง คือ ไฟจะเปิดต่อเมื่อ เราเปิดประตูรถเอาไว้ ซึ่งมีประโยชน์เวลาดูว่า ประตูรถปิดสนิทแล้วหรือยัง?
และอีกตำแหน่งหนึ่ง รูปขีด 5 ขีด ลักษณะเหมือน “พระอาทิตย์” ถ้าเพื่อน ๆ กดปุ่มมาที่ตำแหน่งนี้ ไฟก็จะสว่างตลอดเวลา เพราะมันคือ “ปุ่มเปิดไฟ” นั่นเอง
———————-
จากด้านบน ไล่ลงมาด้านล่าง ส่องสายตามาถึงด้านข้างซ้ายของเบาะคนขับเลยก็จะเจอแบบนี้ครับ

เจ้าก้านยาว ๆ หลายคนรู้จักดีอยู่แล้ว ว่ามันคือ “เบรคมือ” มีไว้ให้ดริฟท์ เอ๊ย ไม่ใช่ครับ มีไว้ดึงกันรถไหล เวลาจอดในที่ลาดชันครับ
ซึ่งวิธีใช้ก็กดปุ่มที่ด้าม แล้วลากขึ้นมาเลยครับ เวลาไปจอดในที่ลาดชัน จะช่วยกันรถไหลได้อีกชั้นหนึ่งครับ ซึ่งในรุ่นเกียร์ธรรมดาอย่าง S MT และ E MT ควรใช้ตอนที่รถติดบนสะพานด้วยนะครับ เวลาออกตัวให้ออกตัวไปก่อนนิดนึง แล้วดึงเบรคมือตาม จะช่วยไม่ให้รถไหลไปข้างหลังครับ
ซึ่งวิธีดึงเบรคมือลงก็เพียงกดปุ่มที่ด้าม แล้วดึงเบรคมือขึ้นให้สุด จากนั้นก็ดันกลับลงไปที่เดิมได้เลยครับ
ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ ดึงเบรคมือเอาไว้ จะมีไฟเตือนขึ้นที่หน้าจอแบบนี้

แล้วถ้าเพื่อน ๆ ออกรถไป โดยที่ไม่ได้ดึงเบรคมือลง เมื่อถึงความเร็วประมาณ 20 กม./ชม. รถจะร้องเตือนนะครับ เสียงคล้าย ๆ นาฬิกาดัง เพื่อเตือนว่า เพื่อน ๆ ลืมปลดเบรคมือ
เป็นการช่วยป้องกันผลลัพธ์ของการลืม นั่นคืออาการ “เบรคไหม้” ครับ
——————————
ถัดมาทางขวาของเบรคมือ จะเป็นช่องใส่ของอเนกประสงค์ ซึ่งทางนิสสันแจ้งว่า ให้เอาไว้วางแผ่นซีดีเพลงโปรด แต่เพื่อน ๆ จะเอาไว้วางใบแจ้งค่างวดก็ไม่ผิดกติกาแต่อย่างใดนะครับ 55555+
ติดกับช่องวางใบแจ้งค่างวด เอ๊ย ซีดีเพลง จะเห็นจุกกลม ๆ ดำ ๆ แบบนี้ นี่คือ ช่องจ่ายไฟสำรองขนาด 12V 120W ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถเสียบชาร์ตแบตมือถือ หรือกล้องถ่ายรูปอะไรก็ได้ครับ ถ้ามีอแดปเตอร์สำหรับการเสียบชาร์ตในรถ ก็จัดไปได้เลย


สำหรับเพื่อน ๆ ที่สูบบุหรี่ แล้วจะใช้ตรงนี้จุดบุหรี่ ยังไม่สามารถทำได้นะครับ เพื่อน ๆ ต้องซื้อที่จุดบุหรี่มาเพิ่มเติม โดยศูนย์นิสสันเค้าก็ทำออกมาจำหน่ายเป็น Accessories ในราคา 420 บาทครับ
ซึ่งผมคิดว่า ซื้อไฟแช็คเอาเถอะครับ 55555+
————————-
เทคนิคการ“บีบแตร”
ผมขึ้นมาลูบ ๆ คลำ ๆ พวงมาลัยยูรีเทนอีกครั้ง สัมผัสนี้เป็นสัมผัสที่ผมคุ้นเคยมากที่สุด เพราะเป็นสัมผัสเดียวกับ Nissan March ที่ผมครอบครองอยู่ และพาตระเวนขึ้นเหนือ ลงใต้ ไปอีสานมาเกือบ 50,000 กิโลเมตรแล้ว ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา
เพียงแต่เมื่อผมใช้เทคนิคการ“บีบแตร” ที่ผมเคยรีวิวเอาไว้ที่ เทคนิคการบีบ”แตร” Nissan March นั้น ผมพบว่า แตรของ Nissan Almera มันกดง่ายกว่าของ Nissan March มาก ใช้เทคนิคกดเฉียงนิดเดียวก็ดังแล้ว
แต่ข้อเสียคือ เสียงแตรที่ดังออกมา ดันเสียงเหมือนกับ Nissan March เป๊ะเลย คือ ดังนะ แต่ดังแบบ “น่ารักอ่า” ไม่ค่อยเชื้อเชิญให้รถใหญ่ ๆ หลบไปจากรถเราสักเท่าไหร่นัก ถ้าไม่กดรัว ๆ แบบไม่กลัวถูกด่า
ซึ่งเสียงแตรแบบ“น่ารักอ่า” มันเหมาะกับหน้าตาของ Nissan March อยู่แล้วครับ แต่เมื่อมันมาอยู่ใน Nissan Almera ซึ่งเป็นซีดานคันใหญ่ ดูไม่ค่อยจะเหมาะ จะเจาะเท่าไหร่นัก
แต่เอาเถอะครับ บางคนก็ไม่ได้ใช้แตรกันอยู่แล้ว และถ้าบางคนจะใช้ ก็หาเปลี่ยนเสียงแตรกันตามร้านข้างนอกได้ในราคาหลักร้อยครับ

ถัดจากแตรตรงกลาง หันมามองด้านซ้ายในรุ่น V CVT และ VL CVT  เพื่อน ๆ จะพบปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย

ซึ่งถือว่าสะดวกมาก ๆ ในการควบคุมเสียงเพลงโดยไม่ต้องละมือไปให้เสียสมาธิ ซึ่งการใช้งานผมจะรีวิวในตอนถัด ๆ ไปเรื่องวิทยุนะครับ
————————-
ถัดจากพวงมาลัยมาทางด้านขวามือ สำหรับรุ่น S MT – V CVT เพื่อน ๆ จะพบกับก้านยาว ๆ แบบนี้นะครับ


แต่ถ้าเพื่อน ๆ ที่ใช้รุ่น VL CVT หรือรุ่นท็อปสุด ก็จะเจอก้านยาวหน้าตาแบบนี้แทนครับ

ซึ่งเจ้าก้านยาวที่ไม่ใช่พันธุ์ทุเรียนนี้ มันคือ ตัวควบคุมไฟภายนอกรถครับ มาดูกันเลยดีกว่าครับ ว่าใช้งานอย่างไรบ้าง?
ถ้าท่านต้องการเปิดไฟเลี้ยวซ้าย ให้ท่านยกก้านขึ้น ไฟเลี้ยวซ้ายจะเปิด ก้านจะค้างไว้จนกว่าท่านเลี้ยวเสร็จ ก้านก็จะกลับมาที่ตำแหน่งเดิม เพื่อปิดไฟเลี้ยว
ในทางกลับกัน ถ้าท่านต้องการเลี้ยวขวา ท่านก็กดก้านนั้นลง ไฟเลี้ยวขวาจะเปิด ก้านจะค้างไว้จนกว่าท่านเลี้ยวเสร็จ ก้านก็จะกลับมาที่ตำแหน่งเดิม เพื่อปิดไฟเลี้ยว
มาถึงตรงนี้ ขอร้องให้ผู้อ่านทุกท่าน…ช่วยเปิดไฟเลี้ยวกันด้วยนะครับ เปิดไปเถอะครับ หลอดมันไม่ขาดง่าย ๆ หรอก ช่วยบอกเพื่อนร่วมถนนบ้าง ว่าท่านจะไปไหน จะทำอะไร ไม่ใช่อยากออกก็ออก อยากเลี้ยวก็เลี้ยว ไม่งั้นโรงงานเค้าจะผลิตไฟเลี้ยวมาทำอะไรละครับ?

มาดูต่อครับ หลังจากยกขึ้น กดลงแล้ว คราวนี้มาดันหน้า-ดันหลังกันบ้าง
ถ้าท่านต้องการขอทางด้วยการเปิดไฟสูงแบบชั่วคราว ให้ท่านกดก้านเข้าหาตัวครับ
ซึ่งในการกดเข้าหาตัวนี้ มันจะไม่ค้างในตำแหน่งนะครับ ถ้าท่านปล่อยมือ ไฟก็ดับ ซึ่งเอาไว้ใช้เปิดชั่วคราว เช่นขอทาง หรือทักทายเพื่อนสมาชิกเท่านั้นเองครับ
ส่วนการผลักก้านไปข้างหน้า เป็นการเปิดไฟสูงแบบค้างนะครับ คือ ถ้าไม่ดึงกลับมาที่เดิม ไฟก็จะสูงแสบตาอยู่อย่างนั้น
โดยมันจะใช้งานได้ในยามค่ำคืนเป็นหลักครับ ซึ่งทางผู้ผลิตออกแบบมาเพื่อเปิดไฟสูงเวลาขับบนถนนเปลี่ยว ๆ ไม่มีรถราวิ่งสวนมา เพื่อท่านจะได้มองระยะไกลได้ โดยไม่ต้องกดค้างให้เมื่อยมือ
ยังไม่หมดครับ ก้านเดียวใช้ให้คุ้ม มาดูกันต่อครับ

ในส่วนปลายของก้าน ที่มือผมจับอยู่ นั่นคือ การเปิดไฟหน้ารถครับ ถ้าเราบิดไปข้างหน้า 1 ที จะเป็นการเปิดไฟหรี่
บิดอีกทีจะเป็นการเปิดไฟหน้าครับ
ซึ่งแน่นอนครับ ไฟท้ายและไฟส่องป้ายทะเบียนจะติดด้วยเช่นกัน
สำหรับมือใหม่หัดขับ ถ้าฟ้าเริ่มมืดแล้ว อย่าลืมเปิดไฟหน้ารถนะครับ แม้ถนนจะสว่าง แต่เพื่อนร่วมทางจะมองไม่เห็นนะครับ
เพราะเจ้า Nissan Almera ในรุ่น V CVT และ VL CVT ก็ดันทำตัวไฮโซซะอีกด้วย เพราะมีจอเรืองแสงเหมือนรถราคาแพงทั่วไป

ในเวลากลางวันเรือนไมล์จะเรืองแสงออกมา ซึ่งจะคล้าย ๆ เวลาเราขับกลางคืน เปิดไฟนั่นแหล่ะครับ
ทีนี้มันก็ทำให้เจ้าของรถ“ลืม”ไปเลยว่าตัวเองยังไม่ได้เปิดไฟ
เพราะเห็นหน้าปัดมันเรืองแสงแล้ว ก็เข้าใจว่า รถเราเปิดไฟหน้าเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งผมพบเห็นอยู่บ่อยครั้ง พอเราไม่ได้เปิดไฟ เพื่อนร่วมทางไม่เห็นรถเราวิ่งเข้ามา ก็จะเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมากครับ
——————–
และสำหรับรุ่น VL CVT จะมีก้านตรงกลางเพิ่มขึ้นมา นั่นคือ การเปิด-ปิด ไฟตัดหมอกนะครับ ซึ่งวิธีใช้ก็ทำเหมือนตอนเปิดไฟหน้าเลยครับ

และเมื่อเราเปิดไฟตัดหมอกขึ้นมาแล้ว จะมีสัญญลักษณ์เหมือนถ้วยหลอดไฟ หรือรูปตัว D สีเขียวด้านล่างขึ้นมา เพื่อบอกว่า เราเปิดไฟตัดหมอกอยู่นะครับ
ส่วนรูปถ้วยหลอดไฟเล็ก ๆ หันหลังชนกันแล้วมีขีด 3 ขีดออกมาทั้ง 2 ด้านนั้น คือ สัญญลักษณ์ที่บอกให้รู้ว่า เราเปิดไฟหน้ารถอยู่นะครับ โดยจะแสดงเฉพาะรุ่น V CVT และ VL CVT ที่เป็นจอเรืองแสงเท่านั้นครับ เพราะจอเรืองแสงจะทำให้เราสับสนว่าเราเปิดไฟหน้ารถแล้วหรือยังนั่นเอง?
สำหรับไฟตัดหมอกนั้น ผมไม่แนะนำให้เปิดในการใช้งานปกตินะครับ เพราะมันอาจจะไปรบกวนสายตาของรถคันอื่นที่สวนมาได้ แนะนำให้เปิดตอนมีหมอกหนา ๆ จริง ๆ (อย่างหน้าหนาวในภาคเหนือเป็นต้น) หรือในกรุงเทพ ก็ควรใช้เมื่อฝนตกหนักมาก ๆ จนมองทางไม่เห็น และถ้าจะใช้ในเวลากลางคืน แนะนำให้ใช้เมื่อขับบนถนนที่มืดสนิท และไม่มีผู้คนครับ
———————
และถ้ามีขวา ก็ต้องมีซ้าย
นี่คือ ที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้าสำหรับรุ่น S MT , E MT , E CVT , ES CVT และ V CVT ครับ
ส่วน VL CVT ได้เอกสิทธิ์หนึ่งเดียวในตองอูไปครอบครองอีกแล้ว เพราะจะกลายเป็นแบบนี้

เอ๊ะ แล้วมันต่างกันยังไงน้า? ถ้าอยากรู้ รบกวนเข้าไปดูที่ วิธีใช้ที่ปัดน้ำฝนแบบหน่วงเวลา และแบบตั้งเวลาหน่วงใน NISSAN ALMERAได้เลยครับ เพราะผมเขียนรีวิวข้อแตกต่าง และวิธีใช้งานให้เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งรีวิวตอนที่ 6 ก็คงจบแต่เพียงเท่านี้ก่อนครับ สำหรับตอนหน้า ผมจะพาเพื่อน ๆ ไปเรียนรู้การดูหน้าจอเรือนไมล์ของ Nissan Almera ทั้ง 2 แบบ คือ แบบธรรมดา และแบบเรืองแสง ว่าจะใช้งานและตั้งค่าอย่างไร?
แล้วตัวอักษรที่ปรากฏบนหน้าจออย่าง ODO หรือ AVG มันคืออะไร? Trip A กับ Trip B ต่างกันแค่ไหน?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น