วันจันทร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2555

ตอนที่ 7 “มาดูเรือนไมล์อัลเมร่า รุ่น S , E , ES กัน”

หลังจากปรับสรีระให้พร้อมกับการขับขี่เรียบร้อยแล้ว แต่ผมก็ยังไม่พาเพื่อน ๆ ออกจากโชว์รูมอยู่ดีครับ ถ้าเพื่อน ๆ ยังดูเรือนไมล์ของรถไม่เป็น เพราะนี่คือจุดสำคัญจุดหนึ่งของการขับขี่เลยนะครับ
ซึ่งเพื่อน ๆ ที่ได้รถ Nissan Almera รุ่น S MT , E MT , E CVT และ ES CVT จะได้เรือนไมล์เหมือนกันหมดแบบนี้

ซึ่งหลายคนจะรู้สึก “คุ้น คุ้น” หรือ “คลับคล้ายคลับคลา” ก็เพราะว่าเรือนไมล์ตัวเนี้ย ถอดแบบมาจาก Nissan March รุ่น S , E , V นั่นแหล่ะครับ
เพียงแต่เรือนไมล์ของ Nissan March จะดูมีมิติกว่านิดนึง แต่การแสดงผลเหมือนกันเป๊ะ

สำหรับเข็มวัดรอบเครื่องยนต์ที่อยู่ด้านซ้าย และมาตรวัดความเร็วของรถยนต์ที่อยู่ตรงกลาง ผมคงไม่ต้องอธิบายอะไร เพราะมันดูเรียบง่ายตามสไตล์ของมันเองอยู่แล้ว เพียงแต่แอบดีใจแทนเพื่อน ๆ ที่ใช้ Nissan Almera รุ่น S MT ที่มีวัดรอบมาให้ ต่างกับ Nissan March S MT ที่ไม่มีวัดรอบครับ
แต่สิ่งสำคัญที่ผมอยากจะรีวิวก็คือ วิธีการดูและตั้งค่าหน้าจอเล็ก ๆ ด้านขวามือล่าง เพราะเป็นส่วนที่บอกข้อมูลที่สำคัญมากมาย
โดยเราจะใช้ก้านยาวที่ยื่นออกมาถึง 2 ก้าน ไว้บังคับควบคุมการแสดงผลต่างๆ ในหน้าจอนี้ครับ
ก้านซ้ายมีรูปสี่เหลี่ยมกำกับอยู่ เพื่อบอกว่าเป็นก้านที่ใช้ควบคุมจอแสดงผลทั่วไป
ก้านขวามีรูปนาฬิกากำกับอยู่ เพื่อบอกว่าเป็นก้านที่ใช้ตั้งเวลา หรือนาฬิกานั่นแหล่ะ
มาเริ่มดูจอแรกกันเลยดีกว่าครับ

ในหน้าจอนี้บ่งบอกอะไรบ้าง?
1. ตัวอักษร “P” คือ ตำแหน่งเกียร์ CVT ในขณะนั้น จะได้ไม่ต้องไปก้มดูที่คันเกียร์ครับ(มีเฉพาะรุ่น E CVT และ ES CVT)

2. ODO คือ ระยะทางทั้งหมด หรือเลขไมล์รถนั่นเอง เป็นระยะทางทั้งหมดที่แสดงว่า รถคันนี้ตั้งแต่ถูกผลิตออกมา วิ่งไปแล้วกี่กิโลเมตร โดยค่านี้ไม่สามารถ reset ได้นะครับ โดยตัวเลขนี้เราจะเอาไว้อ้างอิงในการเช็คระยะ หรือเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องนั่นเอง
ที่สำคัญ เพื่อน ๆ ที่รับรถควรตรวจสอบค่า ODO ดูนะครับ ว่าตอนที่เรารับรถมาเนี่ย รถของเราได้วิ่งไปแล้วมากน้อยแค่ไหน?
ซึ่งปกติไม่ควรเกิน 100 กิโลเมตรครับ ยิ่งวิ่งแค่ 10 – 30 กิโลเมตรนี่ถือว่าดีมากเลย
โดยในหน้าจอนี้บอกว่า รถคันนี้วิ่งมาแล้วทั้งหมด 9,400 กิโลเมตรครับ

3. “3.03” คือ นาฬิกาบอกเวลาครับ ว่าตอนนี้บ่าย 3 โมง 3 นาที ซึ่งนาฬิกาของรุ่น S E ES นั้นจะแสดงค่าแบบ 12 ชั่วโมงนะครับ ซึ่งถ้าตอนนี้ หันขึ้นไปมองท้องฟ้าแล้วพบกับความมืดมิด มีดวงดาวพราวแสงอยู่ ก็แสดงว่า เป็นเวลา ตี 3 กับอีก 3 นาทีครับ
โดยตัวเลขนี้ตั้งค่าได้ครับ โดยใช้ก้านด้านขวามือรูปนาฬิกานั่นแหล่ะ ซึ่งผมจะบอกวิธีตั้งค่าเวลาอีกครั้งนึงตอนท้ายรีวิวนะครับ

4. “รูปปั๊มน้ำมัน มีลูกศรชี้ไปทางซ้ายมือ” นิสสันเค้าทำมาเพื่อบอกเพื่อน ๆ ว่า ถังน้ำมันนะอยู่ฝั่งซ้ายของตัวรถ เวลาเข้าปั๊มน้ำมันนะ เข้าให้ถูกด้านด้วย
ซึ่งเหมาะสำหรับ
- เจ้าของรถที่มีรถหลายคัน
- แต่ถ้ามีคันเดียว ด้วยความที่ Almera ประหยัดน้ำมัน ทำให้ไม่ได้เข้าปั๊มบ่อย อาจจะลืมว่า เวลาจะเข้าปั๊ม ต้องจอดที่หัวจ่ายด้านไหน 55555

5. ระดับน้ำมันคงเหลือ มีทั้งหมด 8 ขีดครับ อย่างในภาพนี้ คือ มีน้ำมันเหลืออยู่ครึ่งถังนั่นเอง

แต่ถ้าเป็นรุ่น S MT หรือ E MT หน้าจอจะเป็นแบบนี้ครับ
ซึ่งด้านซ้ายสุดของจอจะว่างเปล่า เพราะรุ่นเกียร์ธรรมดา จะไม่มีการแสดงตำแหน่งเกียร์ เหมือนรุ่นเกียร์ CVT ครับ
ส่วนหน้าจอนี้ ก็อ่านค่าได้ว่า
1. ระยะทางที่รถวิ่งมาแล้วทั้งหมด (ODO) 1,313 กิโลเมตร
2. เวลาในขณะนั้น 9.13 (ขึ้นอยู่ว่าเป็นกลางวันหรือกลางคืน ถ้ากลางวันก็ 9 โมงเช้า ถ้ากลางคืนก็ 3 ทุ่ม)
3. ระดับน้ำมันเหลือมากกว่าครึ่งถัง 1 ขีด
พอเข้าใจหน้าจอแรกแล้ว ทีนี้มาดูหน้าจอถัดไป ด้วยการกดก้านด้านซ้ายมือรูปสี่เหลี่ยม 1 ทีครับ


ก็จะเจอหน้าจอนี้

หน้าจอนี้ค่าอื่น ๆ จะเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนตรงที่มีคำว่า Trip A ขึ้นมา และมีตัวเลขคือ 349.3
ซึ่ง Trip A ก็คือ ระยะทางที่เราใช้วัดเพื่อดูระยะทางจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง ซึ่งสามารถ Reset ได้ตลอดเวลา
อย่างหน้าจอนี้ คือ ตั้งแต่เราเริ่มกดตั้งค่าครั้งสุดท้ายมาถึงตอนนี้ รถเราวิ่งไป 349.3 กิโลเมตรแล้ว
และถ้าเพื่อน ๆ อยากจะตั้งค่าใหม่ เพื่อจับระยะทาง ก็ให้กดปุ่มที่ก้านซ้ายค้างไว้ ตัวเลขนี้ก็จะกลายเป็น 0 ทันที

ซึ่งการวัดระยะทาง ใช้ได้หลากหลายครับ อย่างผมเองจะใช้แบบนี้
1. เมื่อเติมน้ำมันเสร็จ กดค้างให้เป็น 0 ทิ้งไว้ และเมื่อต้องมาเติมน้ำมันอีกรอบ ก็สามารถดูได้ว่า รถเราวิ่งได้กี่กิโลตั้งแต่เราเติมน้ำมันครั้งล่าสุด
2. เมื่อต้องการทราบว่าระยะทางจากบ้านไปที่ทำงาน ไกลแค่ไหน ก่อนออกจากบ้านก็กดก้านค้างไว้ให้เป็น 0 พอถึงที่ทำงาน เราก็จะได้ตัวเลขระยะทางจากบ้านถึงที่ทำงาน
———————–
ทีนี้มาดูหน้าจอถัดไปครับ ด้วยการกดก้านซ้าย 1 ที เหมือนเดิม

ก็จะเจอกับ Trip B ซึ่ง Trip B ก็คือ ระยะทางที่เราใช้วัดเพื่อดูระยะทางจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง ซึ่งสามารถ Reset ได้ตลอดเวลา
นั่นก็หมายความว่า Trip B ก็มีค่าเหมือน Trip A เป๊ะ ๆ เลย

แล้วจะมีมาทำไม 2 อัน?
ก็ต้องบอกว่า ถ้าเพื่อน ๆ เป็นคนที่ไม่ค่อยอยากจับ หรือวัดระยะทางอะไรมาก ก็ปล่อยมันไปเถอะครับ ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก
แต่ที่มีมา 2 อัน เพราะบางครั้ง เราอาจจะต้องจับระยะทางพร้อมกัน 2 จุด
เอ๊ะยังไง! อ่ะ ลองมาดูวิธีการใช้งานของผมดูครับ

ชีวิตประจำวัน
- เมื่อเติมน้ำมันเต็มถัง ผมจะกดก้านซ้ายให้แสดง Trip A และกดค้างอีกที เพื่อ Reset ค่าให้เป็น 0 เพื่อจะดูว่าน้ำมันถังนี้ ผมจะวิ่งได้กี่กิโลเมตร
- ส่วน Trip B ผมจะทำแบบเดียวกัน เมื่อต้องการจับระยะทางในการเดินทางในแต่ละวัน เช่น วันนี้ผมจะไปหาลูกค้าที่พัทยา จะใช้ระยะทางวิ่งไปเท่าไหร่? ซึ่งผมไปกดดูที่ Trip A ไม่ได้ เพราะ Trip A ไว้จับระยะทางการใช้น้ำมันอยู่

ชีวิตท่องเที่ยว
เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัด ผมมักจะใช้ Trip A เพื่อดูระยะทางทั้งหมดตั้งแต่ไปจนกลับ เช่น รีวิวที่ผมขับ March ไปฮันนีมูนที่ปาย ผมก็กดไว้ตั้งแต่ออกจากบ้าน จนไปเที่ยวปาย เชียงใหม่ กลับถึงกรุงเทพ ก็จะรู้ว่า ระยะทางทั้งหมดในทริปนี้ วิ่งไปเท่าไหร่
ส่วน Trip B ผมจะใช้เมื่อเข้าเติมน้ำมันเต็มถัง เพื่อดูระยะทางวิ่งจนกว่า จะเติมน้ำมันอีกครั้ง ว่าวิ่งไปได้กี่กิโลเมตร ซึ่งผมจะเอาค่าเหล่านั้นมาดูอัตราการกินน้ำมัน
ซึ่งเพื่อน ๆ สามารถเข้าไปดูการคำนวณและใช้ทริป A B ของผมจริง ๆ ได้ในรีวิว “ขับ Nissan March ไปฮันนีมูนที่ปาย – เชียงใหม่”
หวังว่าจะพอเข้าใจ และนำไปประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับทุกท่านนะครับ
———————-

จบเรื่อง Trip A B ไปแล้ว กดก้านซ้าย 1 ที มาดูหน้าจอถัดไปครับ

จะเห็นตัวเลข 0.0 km/l เลขนี้คือการบอกอัตราการกินน้ำมันแบบ Real Time ครับ นั่นคือ ในขณะที่เราขับน้อง Almera นั้น รถกินน้ำมันมากน้อยแค่ไหน?
ซึ่งมีประโยชน์มากครับ เราจะได้รู้ว่า เท้าเรา หนัก-เบาไปไหม จะได้ควบคุมน้ำหนักเท้าในการเหยียบคันเร่งของเราให้ดีครับ เพื่อการประหยัดน้ำมันสูงสุด
เคยมีหลายคนเห็นหน้าจอนี้แล้วตกใจว่า ทำไมตัวเลขวิ่งขึ้น ๆ ลง ๆ จนนึกว่าหน้าจอรถเสีย ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจนะครับ เป็นปกติครับ ของหน้าจอนี้ ที่บอกค่ากันสด ๆ แบบเรียลไทม์
———————–

มาดูกันต่อครับ กดก้านซ้ายอีก 1 ที
ในหน้าจอนี้ มีคำว่า “AVG. 13.7 km/l” ซึ่งเป็นตัวเลขที่บอกอัตราเฉลี่ยการกินน้ำมันของเรานั่นเองครับ ซึ่งก็คำนวณมาจากค่า Real Time ในจอก่อนหน้านี้นั่นแหล่ะ
โดยค่าเฉลี่ยนี้จะเริ่มนับตั้งแต่เรากดก้านซ้ายค้างเพื่อ reset ค่านี้ให้เป็น 0 นะครับ
ดังนั้น ถ้าเพื่อน ๆ ต้องการจับว่า จากบ้านไปที่ทำงานในเช้าวันนี้ เราขับรถได้อัตราเฉลี่ยเป็นยังไง จะถึง 20 กิโลเมตรต่อลิตรตามที่โฆษณาไว้ไหม? ก็กดก้านซ้ายค้างไว้เพื่อ reset หน้าจอใหม่ซะ และขับไปที่ทำงาน จากนั้นก็จะทราบว่า เราขับรถได้ประหยัดมากน้อยแค่ไหน ถึง 20 กิโลเมตรต่อลิตรหรือไม่? นั่นเอง
เคยมีเพื่อน ๆ มาถามผมว่า ขับยังไงก็ไม่ประหยัด ตัวเลขอยู่ที่ 10 ต้น ๆ มานานแล้ว ผมก็ขอบอกเลยนะครับว่า ต้อง reset ค่าก่อนด้วย เพื่อเริ่มคำนวณใหม่ เพราะหลายท่านไม่เคยกด reset เลยตั้งแต่รับรถป้ายแดงมา ค่ามันก็คำนวณมายาวนานเกินไปครับ ตัวเลขจะขยับยาก และไม่แสดงผลเป็นปัจจุบัน
ดังนั้น อย่าลืมกด reset กันก่อนขับรถนะครับ
หมายเหตุ
- หลังกด reset จะยังไม่มีตัวเลขขึ้นจนกว่าจะวิ่งถึง 500 เมตรแรก
- การคำนวณอัตราเฉลี่ย จะคำนวณทุก 30 วินาที
———————
มาดูอีกหน้าจอครับ หน้าจอสุดท้ายแล้ว

หน้าจอนี้มีจุดสีดำชี้ที่ระดับน้ำมันเต็มถัง และมีตัวเลข 177 km กำกับอยู่
ซึ่งหน้าจอนี้จะแสดงระยะทางที่เจ้า Almera สามารถวิ่งได้ก่อนน้ำมันจะหมดถัง
แต่ทั้งนี้มันไม่ใช่ตัวเลขที่คงที่นะครับ เพราะหน้าจอจะคำนวณจากการขับขี่ของเราประกอบด้วย

อย่างตอนนี้ผมสามารถวิ่งได้อีก 177 กิโลเมตรใช้ไหมครับ?
แต่ถ้าผมขับแบบประหยัดสุด ๆ สักพัก หน้าจออาจจะเปลี่ยนเป็น 220 km ก็ได้ คือ เหลือระยะทางวิ่งได้เพิ่มขึ้นนั่นเอง

ดังนั้น ท่านที่เพิ่งไปเติมน้ำมันเต็มถังมา แล้วหน้าจอแสดงผลได้น้อย ไม่ต้องตกใจนะครับ เพราะมันจะคำนวณจากการวิ่งล่าสุด แล้วแสดงผลออกมา ซึ่งระยะทางสามารถเพิ่มขึ้น-ลงได้ตามการขับขี่ของเราครับ
และเมื่อน้ำมันเหลือขีดสุดท้าย หน้าจอนี้จะแสดงตัวเลขกระพริบ ๆ นะครับ เพื่อเป็นการเตือนคนขับว่า น้ำมันใกล้หมดแล้วนะ รีบเติมซะ!
และถ้ายังไม่เติมอีก สักพัก ตัวเลขจะหายไป กลายเป็น “—-” นั่นคือ คำนวณระยะทางไม่ได้แล้ว ควรเติมน้ำมันไ้ด้แล้ว

สรุป หน้าจอนี้จะเป็นการแสดงผลคร่าว ๆ เท่านั้น เพื่อน ๆ อย่าไปยึดติดหรือซีเรียสกับตัวเลขระยะทางคงเหลือมากนัก เอาเป็นว่า ถ้ามันเตือนเมื่อไหร่ว่า ถึงเวลาเติมน้ำมันได้แล้ว ก็เติมไปเลย อย่าไปเสี่ยงวิ่ง ถึงแม้จริง ๆ อาจจะวิ่งได้อีกร่วม 100 กิโลเมตรก็เถอะ เพราะการปล่อยให้น้ำมันหมดถังแล้วเติม มันไม่ส่งผลดีต่อรถยนต์ของเรานักหรอกครับ
——————-
สำหรับก้านซ้ายก็คงหมดประโยชน์แล้ว ทีนี้มาดูก้านขวารูปนาฬิกากันบ้างว่า จะใช้ตั้งค่านาฬิกาทำอย่างไร


สำหรับการตั้งนาฬิกาบอกเวลาที่หน้าจอนั้น ให้เพื่อน ๆ กดก้านขวาค้างไว้จนกว่า ตัวเลขบอกชั่วโมงจะเริ่มกระพริบ
- เราสามารถตั้งเวลาที่เป็นค่า “ชั่วโมง” ได้ โดยการกดก้านขวาไปเรื่อย ๆ ตัวเลขจะเปลี่ยนไปทีละชั่วโมง
- ถ้าเราขี้เกียจกดทีละชั่วโมง ให้กดก้านขวาค้างไว้ครับ ตัวเลขจะวิ่งเร็วขึ้น
เมื่อตั้งชั่วโมงเสร็จแล้ว ก็ให้อยู่เฉย ๆ สัก 5 วินาที ตัวเลข “นาที” ก็จะกระพริบ ให้เราตั้งค่า โดยกดตั้งค่าเหมือนตอนตั้งค่า“ชั่วโมง” ด้านบนนั่นแหล่ะ
เสร็จแล้วก็รอสัก 5 วินาที เพื่อตั้งค่าตัวเลขที่เป็น “วินาที” โดยใช้วิธีเดิมนั่นเอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น