เปิดตัวกันมาตั้งแต่เมื่อช่วงเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา กับเจ้ารถอีโค่คาร์รุ่นที่ 2 Nissan Almera ที่มาพร้อมพรีเซนเตอร์หนุ่ม โดม และเรือนร่างที่ประทับใจหลายๆคน โดยเฉพาะขนาดที่ลงตัว เหมาะต่อการใช้งานจริงของคนเมืองและคนไทย
Almera-Almera
...เราพูดไปพูดมากันในสื่อมวลชนสายยานยนต์ที่มาทดสอบรถยนต์ Nissan Almera
ครั้ง นี้ จนสรุปได้ว่า ถ้าแปลตามภาษาคาราโอเกะจะได้ว่า
"เอาไหมล่ะ"..เล่นเอากันขำไปเหมือนกัน แต่หลังจากฟังบรรยายสรุปและขึ้นขับรถ
Nissan Almera
คงต้องกล่าวกันตามตรงว่ารถคันนี้ไม่ควรมองข้ามไปเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งใครที่ชอบความหรูและสมรรถนะที่ลงตัว
เรือนร่างซีดาน เท่ห์สไตล์หรูหราแบบพี่ใหญ่
Nissan Almera
ที่จอดอยู่หน้าเราในงวดนี้นั้นเป็นรถรุ่นลองท๊อปที่มาพร้อมฟังชั่นต่างๆมาก
มาย แต่กับเรือนร่างแล้ว Nissan Almera ทุกรุ่นมีความลงตัวเหมือนกัน
ด้วยความหรูหราสง่างาม จนน่าจะบอกได้ว่า Nissan Almera คือ
รถหรูย่อขนาดเพื่อให้เหมาะแก่การใช้ขับขี่ในเมือง
มิติตัวถังที่เริ่มด้วยขนาดยาว 4425 ม.ม.กว้าง 1695 ม.ม. และ สูง 1500 ม.ม. มาพร้อมฐานล้อ 2600 ม.ม.
เป็นการตอบโจทย์ที่ดีของรถยนต์ Nissan Almera
ที่โดดเด่นในเรือนมิติตัวถังที่ยาวนี้ ทำให้มันดูคล้ายรุ่นพี่ Nissan
Teana ที่มีลักษณะคล้ายๆกันในแบบ รถลีมูซีนหรู
การออกแบบ Nissan Almera Nissan
ได้ใช้เส้นสายที่ให้ทั้งความสปอร์ตและความหรูหราที่ลงตัวทักทายเริ่มต้นด้วย
กระจังหน้าโครเมี่ยมทำให้รถดูหรูมาพร้อมไฟหน้าขนาดใหญ่และไฟตัดหมอก
ในขณะที่เส้นสายการออกแบบที่ให้ความลงตัวนั้นยังให้สมรรถนะและการประหยัด
น้ำมันด้วยค่าสัมประสิทธิ์เสียดทานอากาศเพียง 0.29 cd
ช่วยในการขับเคลื่อนที่พริ้วไหว
ต่อเนื่องสู่ด้านข้างด้วยมือจับแบบโครเมี่ยม
และบั้นท้ายมาพร้อมไฟท้ายทรงกึงสปอร์ตกึ่งหรู แต่ที่แน่มีสปอร์ยเลอร์ท้าย
ช่วยเพิ่มดีไซน์ในเรื่องความปราดเปรียว ที่มองไปๆมาดูมันจะใหญ่ไปเล็กน้อย
และปิดบัญชีภายนอกด้วยล้ออัลลอยขอบ 15 นิ้วจากโรงงานรัดด้วยยาง 185/65/R15
(รถรุ่นรองท๊อป แต่ถ้ารุ่นทั่วไปจะเป็นล้ออัลลอยขอบ 14)
ภายในสปอร์ตหรู เน้นคมเข้มเต็มอารมณ์
เมื่อเปิดประตูเข้าสู่ภายในห้องโดยสาร Nissan Almera
ต้อนรับเราด้วย การตบแต่งห้องโดยสารที่เน้นหนักในความสปอร์ตสีดำ
สลับกับโครเมี่ยมในหลายๆจุดที่จะพบได้ในรถเกียร์อัตโนมัติทุกรุ่น
แต่เมื่อเราหย่อนตัวเองลงบนเบาะนั่งที่ทำจากผ้าแล้ว ผู้ทดสอบที่ความสูง 182
ซ.ม. หนักราวๆ 90 ก.ก. ก็รู้สึกนั่งไม่สบายตัวนัก
ส่วนหนึ่งมาจากเบาะมีการทำทรงให้เป็นสปอร์ตโอบกระชับมากยิ่งขึ้น
เมื่อหันไปถามเพื่อสื่อมวลชนที่ไปด้วยกันในงวดนี้ก็ได้คำตอบที่คล้ายๆกัน
ซึ่งพี่สื่อจากเล่ม ecareasy ท่านนี้มีขนาดเล็กกว่าเรามาก
แต่ก็ยังนั่งไม่สบายนัก ซึ่งเราเห็นพ้องร่วมกันว่าเบาะมีขนาดเล็กเกินไป
ทำให้นึกุคงคนที่อาจจะมีขนาดใหญ่กว่าเรา
เหลียวซ้ายแลขวามองสิ่งต่างในห้องโดยสาร Nissan Almera
จัดวางได้อย่างลงตัวมีการเก็บงานดีให้อารมณ์ความรู้สึกที่ค่อนข้างดูเป็นแนว
สปอร์ตหรู พวงมาลัยมีขนาดเล็กตามขนาดรถ
ส่วนเรื่องคันเกียร์ที่ดูเหมือนที่ตักไอศครีมนั้น
ก็ให้ความทันสมัยที่แตกต่างจากที่เราได้สัมผัส
สิ่งที่หลายคนอยากรู้นั้นคงไม่พ้นที่นั่งในเบาะตอนหลังที่บอกว่ากว้างนัก
กว้างหน้า และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะ
เพียงแค่เราโยนกระเป๋าไปไว้ด้านหลังนั้น
หากจะหยิบจะคว้ามาใช้ก็ยากเต็มทีจนเรียกว่าต้องมือยาวจริงๆ
หรือไม่ก็ต้องหันตัวคว้ามา
พื้นที่วางขาระดับเดียวกับ Nissan Teanaทำให้ Nissan
Almera สามารถนั่งได้อย่างสบายแม้เราจะมีขนาดตัวตามที่ได้กล่าวกันไปว่าสูง
183 ซ.ม. ก็ยังนั่งได้ โดยไม่ต้องพับขา ยืดกันได้เต็มสูตร
แต่ปัญหานั้นกลับไม่ได้อยู่ช่วงขาแต่มันอยู่ที่พื้นที่เหนือหัว
ซึ่งรับอิทธิพลมาจากหลังคาแบบคูเป้
ทำให้ในตอนท้ายของห้องโดยสารรถมีความลาดเอียงค่อนข้างมาก
จึงเหลือพื้นที่เหนือศีรษะไม่มากมายนัก เรียกว่า
ถ้ารถกระโดดคอสะพานต้องมีหัวโนกันบ้างล่ะ
ได้เวลาขับเคลื่อน ชีวิตในเมืองที่ลงตัว
ในที่สุดหลังจากรอฤกษ์ยามพักใหญ่เราก็ได้เวลาที่จะทะยาน
Nissan Almera สู่ท้องถนนในเมืองไทย โดย รถรุ่นที่เราขับนั้นเป็น Nissan
Almera 1.2 V CVT น้องรองของรถรุ่นนี้
ที่เปิดสเป็คอย่างไวพบว่าตัวรถเองมีน้ำหนัก 1025 ก.ก. ในการเดินทางครั้งนี
เรามีผู้โดยสาร 2 คน และ สัมภาระคือกระเป๋ากล้อง 2 ใบ
คาดว่ารถคันนี้มีน้ำหนักรวมประมาณ 1300 ก.ก.
หนทางแรกคือเราต้องฝ่าการจราจรของเมืองกรุงมุ่งสู่อัมพวา ที่แม้จะเกือบ 9
โมงเช้าแล้ว การจราจรเมืองกรุงก็ยังเป็นอัมพาธอยู่เหมือนเคย
เราบุกเข้าไปฝ่ารถติดกันที่
ถนนสุรวงศ์ซึ่งถนนตรงนี้เป็นเส้นทางในเมืองอย่างแท้จริง Nissan Almera
ให้ความคล่องตัวในการขับขี่ได้ดี
พวงมาลัยที่เบาจาการควบคุมการทำงานด้วยระบบไฟฟ้า (EPS) ให้การตอบสนองได้ดี
แม้ในสถานการณ์ที่คับคันก็ตวัดไป-มาได้อย่างมั่นใจ
แต่เมื่อรถคันนี้มีขนาดที่ค่อนข้างยาว
เมื่อประกอบกับการจราจรที่ไม่มีใครยอมใครในเมืองกรุงสมัยนี้เรา
มันก็เป็นอุปสรรคการขับขี่ Nissan Almera
จุดขายของ Nissan Almera นั้น
อยู่ที่รุ่นเกียร์อัตโนมัติที่คุณจะได้สัมผัสกับเทคโนโลยีใหม่ Idling Stop
ที่ช่วยในการประหยัดน้ำมันมากขึ้น
โดยจะหยุดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ
เมื่อเหยีบเบรคเป็นระยะเวลานานกว่า 2-5 วินาที
ซึ่งช่วยลดการใช้น้ำมันได้อย่างเห็นผลประหยัดมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
ในการใช้งานจริงบนนถนนระบบ Idling Stop ใช้งานได้ง่าย
เพียงแค่เหยีบเบรคไว้ชั่วอึดใจหนึ่งเครื่องยนต์ก็จะดับลงแต่ระบบปรับอากาศ
และเครื่องเสียงไฟฟ้าทุกอย่างยังสามารถทำงานได้ตามปกติ
ทำให้ไม่สูญเสียความสบายในการโดยสารเพื่อแลกการประหยัดน้ำมัน
และเมื่อเราใช้ระบบนานกว่า 175 วินาที หรือประมาณ เกือบ 3 นาที
ระบบจะทำการติดเครื่องยนต์เองเพื่อรักษาระดับไฟฟ้า
ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ชาญฉลาก ในการประหยัดน้ำมัน
แต่ก็อาจจะมีบางคนไม่ชอบมันเพราะ เมื่อ
เครื่องยนต์ดับระบบปรับอากาศนั้นจะเย็นแบบชืดๆ ทำให้ รู้สึกอึดอัด แต่
Nissan Almera มีข้อดีกว่า Nissan March
ตรงที่ว่าสามารถปิดระบบด้วยสวิทช์ทางด้านขวา ของคนขับ
นอกเมืองน่าประทับใจ กับสมรรถนะที่คุ้มค่า
หลังจากผจญการจราจรในเมืองราวๆ ชั่วโมงกว่า
เราก็ออกมาสู่ถนนนอกเมืองกันได้เสียที และเส้นทางหลวงมุ่งอัมพว่า
ถือเป็นบททดสอบสำคัญของ Nissan Almera
ที่หลายคนกังขาในเรื่องการเดินทางไกลของรถประเภทนี้
การเดินทางออกต่างจังหวัดด้วยเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร
79 แรงม้า พร้อมแรงบิด 106 นิวตันเมตร เราขับ Nissan Almera V
เริ่มต้นด้วยการเดินทางที่ความเร็ว 80 ก.ม./ช.ม.ได้รอบเครื่องยนต์อยุ่ที่
1500 รอบต่อนาที และเมื่อขยับขึ้นมาอีกเล็กน้อยที่
ความเร็วยอดประหยัดน้ำมัน 90 ก.ม./ช.ม.
ก็ได้รอบเครื่องที่ต่างกันไม่มากอยู่ 1650 รอบต่อนาที ซึ่งชี้ให้เห็นว่า
เครื่องยนต์ขนาดเล็กก็อาจจะไม่ได้ใช้รอบเครื่องยนต์สูงอย่างที่คิดสามารถ
เดินทางได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะใครที่ขับรถเอาไวเข้าว่า
เมื่อขับที่ความเร็ว 130 ก.ม./ช.ม.รอบเครื่องจะอยูที่เพียง 2500
รอบต่อนาทีโดยประมาณ แต่เรื่องการเร่งเครื่องนี่ก็ห้ามเพลินโดยเด็ดขาด
เพราะ Nissan Almeraนั้นจะไม่ยอมเปลี่ยนเกียร์ถ้าคุณไม่ผ่อนคันเร่ง
เรียกว่าเร่งยันคุณจะพอใจ
การขับ Nissan Almera
นอกเมืองนั้นตัวรถมีความสเถียรในการเกาะถนนพอสมควร
ด้วยช่วงล่างระบบแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลงทางด้านหน้า
และด้านหลังใช้ระบบทอร์ชั่นบีมพร้อมเหล็กกันโคลง
ที่ทำให้รถนั้นมีการทรงตัวที่ดีไม่โยนเยนไปมา
ส่วนหนึ่งก็มาจากการออกแบบในเรื่องอากาศพลศาสตร์ที่ดีด้วย แต่ถ้าเมื่อไร
คุณขับรถแบบฉวัดเฉวียนไปมา ด้วยฐานล้อที่ยาวกว่าชาวบ้าน อาจจะทำให้
มีการท้ายไหลเล็กน้อยบ้าง แต่ก็ไม่มากนักเว้นแต่จะใช้ความเร็วสูงกันจริงๆ
ส่วนเรื่องการหยุดนั้นก็มั่นใจได้ เพราะเบรคที่อาจจะดูทื่อๆ
สามารถตอบสนองได้อย่างมั่นใจ ที่ทำงานพร้อม 3 สหาย ABS-EBD-BA มา
เรื่องความเร็วปลายในครั้งนี้เรายังไม่ได้ทดลองเนื่องจากสภาพการจราจรนั้น
ไม่เอื้ออำนวยนัก แต่มีเพื่อนสื่อมวลชนที่หลายคนน่าจะรู้จัก "น้าตั๋ม"
ท่านได้ลองจัดดูหมดถนนได้ 160 ก.ม. ต่อชั่วโมง ถือว่าไม่เบาเลยทีเดียว
ส่วนความเร็วปลายแบบสุดๆ จริงๆ คงต้องรอการทดสอบอีกรอบหนึ่ง
ถ้าจะพูดแล้ว Nissan Almera ถือ
เป็นอีโค่คาร์ที่คุ้มค่าถ้ากำลังมองหารถที่มีความหรูหรามากกว่าแค่ความ
ประหยัด ที่ยังควงมากับเทคโนโลยีที่ลงตัวทางด้านวิศวกรรมและการออกแบบ
..ก็อย่างที่เรากล่าวว่าสื่อในทริปนี้เราคุยกันสนุกๆว่า Almera = เอาไหมล่ะ คงต้องลงคิดดูครับว่า เมื่อจ่ายเงินสูงสุด 599,000 บาท ( Almera รุ่นท๊อป) แต่ได้ครบทุกอย่างที่มีในรถหรูแถมประหยัด เป็นคุณจะซื้อไหมล่ะ
ขอบคุณ คาราวานทดสอบของ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
ผลการทดสอบ
ที่ความเร็ว 80 ใช้รอบเครื่องยนต์ 1500 รอบต่อนาที
ที่ความเร็ว 90 ใช้รอบเครื่องยนต์ 1650 รอบต่อนาที
ที่ความเร็ว 130 ใช้รอบเครื่องยนต์ 2500 รอบต่อนาที
ที่ความเร็ว 80 ใช้รอบเครื่องยนต์ 1500 รอบต่อนาที
ตารางคะแนนผลการทดสอบ Nissan Almera 1.2 V CVT
คะแนนการทดสอบโดยรวม 94 คะแนน
หัวข้อ | คะแนน (เต็ม 25 คะแนน) | ข้อติชมและคำแนะนำ |
รูปลักษณ์ภายนอก | 23 | เรือนร่างที่ดูงดงามแบบลีมูซีคงจะถูกใจหลายๆคนเช่นเดียวกับบั้นท้ายที่ดุ ลงตัว แต่ด้านหน้านี่ดูน่าจะต้องมีการปรับแต่งเล็กน้อย เพราะตัวรถดูมีความหรู แต่ใบหน้าที่แปลกแม้จะให้ค่ายสัมประสิทธิ์เสียดทานเพียง 0.29 อาจจะทำให้หลายคนไม่ชอบ |
ภายในห้องโดยสาร | 23 | ห้องโดยสารลงตัวในทุกจุด โดยเฉพาะมิติความกว้างขวางที่มากมายจนแทบไม่น่าเชื่อว่านี่คืออีโค่คาร์ แต่สิ่งที่ไม่ลงตัวคือเบาะนั่งโดยเฉพาะคู่หน้าที่ดูแคบไป ส่วนด้านหลังช่วงขากว้างดี แต่พื้นที่เหนือศรีษะนี่อาจจะทำให้มีปัญหาได้ ยามรถกระโดดหรือกระเด้งมากๆ แต่เราเชื่อว่าด้วยช่วงล่างที่ได้สัมผัสคงไม่เหตุการณ์แบบนั้น เอาเป็นว่าจะใช้งานควรจัดระเบียบผู้โดยสารเสียหน่อย |
สมรรถนะเครื่องยนต์และความประหยัด | 24 | เรื่องเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรนั้น คงจะตอบสนองได้อยู่แล้ว ยิ่งมาได้ระบบหยุดเครื่องยนต์อัตโนมัติ หรือ Idling Stop นั้น ทำให้ Almera มีความลงตัวมากยิ่งขึ้น แต่ที่จะตินั้นเป็นระบบส่งกำลัง ซึ่งควรจะต้องขึ้นเกียร์เองไม่ใช้ ให้คนขับลากกันสุดๆ ตามชอบ เพราะทำให้เครื่องยนต์เสื่อมสมรรถนะไว |
ระบบกันสะเทือนและเทคโนโลยี | 24 | ช่วงล่าง Nissan Almera สามารถไว้ใจได้ ในทุกสถานการณ์แต่ความยาวของรถนั้นทำให้ท้ายดื้อเล็กๆเมื่อเปลี่ยนเลนเร็วๆ แต่คุรคงไม่ขับอีโค่คาร์เร็วจี๋เป็นประจำใช่ไหม |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น